บิ๊ก กยท.เคลียร์ปมบัตรสีชมพู ยันไม่รับขึ้นทะเบียนใหม่ รอมติ ครม.ไฟเขียวก่อนถึงจะเปิดรับสมัครใหม่ได้ ชี้ มติ กนย.เป็นเพียงข้อเสนอเท่านั้น วอนชาวสวนใจเย็น หากมติครม.ออกมารูปแบบไหน นัดหมายล่วงหน้าแล้วจะมีการประชุมบอร์ดรับรองทันที
สืบเนื่องจากกรณีมีผู้อำนวยการการยางแห่งประเทศไทยสาขาเคียนซา ทำหนังสือแจ้งถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้ที่เกี่ยวข้อง ว่าในขณะนี้มีเกษตรกรเจ้าของสวนยางมาติดต่อเรื่องต่างๆ ดังนี้ 1. บัตรประจำตัวเจ้าของสวนยาง ที่มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้อง (บัตรสีเขียว) / บัตรประจำตัวเจ้าของสวนยาง ในที่ที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ (บัตรสีชมพู) ทั้ง 2 ประเภทหมดอายุ
ขอชี้แจงว่า หากบัตรทั้ง 2 ประเภทหมดอายุแล้วนั้น หรือบัตรสูญหายไม่ต้องต่ออายุหรือทำบัตรใหม่เพราะหากเป็นผู้ที่ได้ขึ้นทะเบียนกับทางการยางฯ แล้วนั้น จะมีข้อมูลทุกอย่างในระบบ เมื่อเจ้าของสวนยางมาติดต่อให้ใช้บัตรประจำตัวประชาชนแทนได้เลย
2. การขึ้นทะเบียนเป็นเจ้าของสวนยาง (รายใหม่ ที่ยังไม่เคยขึ้นทะเบียน) หากเป็นประเภทมีเอกสารสิทธิ์ถูกต้อง สามารถมาขึ้นทะเบียนได้ตลอด ทุกวันและเวลาราชการ ซึ่งทางกำนัน หรือ ผู้ใหญ่บ้าน ตามที่ตั้งสวน รบกวนลงนามรับรองการมีสวนอยู่จริง ตามแบบฟอร์มด้วย แต่ หากเป็นประเภทไม่มีเอกสารสิทธิ์ (ภบท.5) ในณะนี้ ไม่สามารถขึ้นทะเบียนรายใหม่ได้ เนื่องจากระบบบันทึกได้ปิดระบบตั้งแต่ปี 2560
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท รองผู้ว่าการ กยท. ด้านอุตสาหกรรมยางและการผลิต เผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" กยท.สาขาแจ้งแบบนั้นกับชาวสวนถูกต้องแล้ว ทาง กยท.พร้อมที่จะปฎิบัติตาม หากมีมติคณะรัฐมตรี(ครม.)ออกมารับรองเมื่อไร กยท.พร้อมจะปฎิบัติได้ทันที แล้วยังมีการนัดหมายล่วงหน้าหากมีผล ครม.ออกมาเมื่อไร บอร์ดฯ จะประชุมรองรับ มติ ครม.เพื่อให้การดำเนินนโยบายลงสู่ปฎิบัติให้เร็วที่สุด
อนึ่ง มติบอร์ดการยางแห่งประเทศไทย (วันที่ 4 ก.ย.62) ที่ประชุมมีมติเห็นชอบโครงการประกันรายได้ยางพารา กำหนดราคาประกันรายได้ยางแผ่นดิบคุณภาพดี กก.ละ 60 บาท, น้ำยางสด(DRC 100%) กก.ละ 57 บาท และยางก้อนถ้วย (DRC 50%) กก.ละ 23 บาท เกษตรกรชาวสวนยางที่ขึ้นทะเบียนและแจ้งข้อมูลพื้นที่ปลูกยางกับการยางแห่งประเทศไทย ก่อนวันที่ 12 สิงหาคม 2562 โดยเป็นสวนยางอายุ 7 ปีขึ้นไปที่เปิดกรีดแล้ว รายละไม่เกิน 25 ไร่
กำหนดปริมาณผลผลิตยางที่จะประกันรายได้ (ยางแห้ง) 240 กก./ไร่/ปี หรือ 20 กก./ไร่/เดือน กำหนดระยะเวลาประกันรายได้เป็นระยะเวลา 6 เดือน (เดือนตุลาคม 2562 – เดือนมีนาคม 2563) จะได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น "บัตรสีเขียว" หรือ "สีชมพู" เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ผ่านบอร์ดเรียบร้อยแล้ว โดยการจ่ายเงินส่วนต่างนั้น 2 เดือนจ่าย 1 ครั้ง งวดแรก ต.ค.-พ.ย.2562 เริ่มจ่ายวันที่ 15 ธ.ค.2562 เป็นต้นไป ผ่านบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) วงเงิน 2.4 หมื่นล้านบาท
แต่ล่าสุด มติคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) (วันที่ 4 ต.ค.62) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน ได้มีมติให้ปรับปรุงช่วงเวลาการจ่ายเงิน จากเดิม การจ่ายเงิน 2 เดือน 1 ครั้ง โดยให้ ธ.ก.ส. เป็นผู้ดำเนินการโอนเข้าบัญชีเกษตรกรชาวสวนยาง โดยกำหนดจ่ายเงินเดือนธันวาคม กุมภาพันธ์ และเมษายน เปลี่ยนเป็นเริ่มจ่ายเงินงวดแรกระหว่างวันที่ 1-15 พฤศจิกายน 2562 งวดที่ 2 ระหว่างวันที่ 1-15 มกราคม 2563 และงวดที่ 3 ระหว่างวันที่ 1-15 มีนาคม 2563 ทั้งนี้การคำนวณงวดแรกการจ่ายเงินส่วนต่างจะใช้ราคาอ้างอิงจ่ายชดเชยประกันรายได้เดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน 2562