“ดุจสายน้ำที่ไม่เคยคงรูป” ผู้ชุมนุมฮ่องกงเปิดตำรา ‘ซุนวู’ จัดหนักรัฐบาล

14 ต.ค. 2562 | 13:46 น.

ต้นเดือนนี้รัฐบาลฮ่องกงบังคับใช้กฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉิน ห้ามสวมหน้ากากในการชุมนุม ส่งผลให้เกิดการต่อต้านมากยิ่งขึ้นจากกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง และการเผชิญหน้าก็ยกระดับสู่การใช้ความรุนแรงมากที่สุดนับตั้งแต่ที่การประท้วงเริ่มต้นขึ้นในเดือนมิถุนายน และจนถึงขณะนี้มีผู้ถูกจับกุมไว้แล้วมากกว่า 2,300 คน เกือบ 40% ของผู้ถูกจับกุมมีอายุต่ำกว่า 18 ปี และ 10% อายุไม่ถึง 15 ปี

“ดุจสายน้ำที่ไม่เคยคงรูป” ผู้ชุมนุมฮ่องกงเปิดตำรา ‘ซุนวู’ จัดหนักรัฐบาล

 

+ยกระดับความรุนแรงและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์

สำนักงานตำรวจฮ่องกงยืนยันว่าเมื่อวันที่ 13 ต.ค.ที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกลอบแทงเข้าที่คอจากด้านหลังระหว่างกำลังปฏิบัติหน้าที่ควบคุมสถานการณ์วุ่นวายที่สถานีรถไฟใต้ดินกวนตง โดยหน่วยกู้ชีพได้นำเจ้าหน้าที่ซึ่งยังมีสติอยู่ส่งโรงพยาบาลในบริเวณใกล้เคียงที่สุด และมีผู้ต้องสงสัยถูกจับกุม 2 คนฐานเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า ผู้ชุมนุมได้มีการนำระเบิดมาใช้เป็นครั้งแรก

 

กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่ออกมารวมตัวกันบนท้องถนนอีกครั้งในช่วงสุดสัปดาห์ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่ 18 ของการชุมนุม โดย "พื้นที่อันตราย" ยังคงเป็นย่านการค้า รวมถึงซุนหว่าน จิมซาจุ่ย ม่งก๊ก ต่ายโป ซาถิ่น และริมอ่าวเกาลูน โดยกลุ่มผู้ประท้วงหัวรุนแรงที่สวมชุดสีดำและอำพรางใบหน้ายังคงพุ่งเป้าทำลายธุรกิจที่เป็นของจีนแผ่นดินใหญ่ หรือมีความเกี่ยวข้องกับจีนแผ่นดินใหญ่ รวมถึงร้านค้าหลายแห่งของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ และสาขาของธนาคารแบงก์ ออฟ ไชน่า ที่ถูกเผา ขณะที่เจ้าหน้าที่ปราบจลาจลกระจายกำลังลงพื้นที่อย่างรวดเร็ว โดยมีการยิงแก๊สน้ำตาและจับกุมผู้ก่อความรุนแรงได้หลายสิบคน ซึ่งนอกจากผู้ที่ทำลายทรัพย์สินสาธารณะ เผาสิ่งของ และตั้งเครื่องกีดขวางการจราจรแล้ว เจ้าหน้าที่ยังจับกุมผู้ที่พยายามแย่งอาวุธจากตำรวจด้วย

ซุนวู เจ้าแห่งกลยุทธ์การศึกในยุคโบราณของจีน

เป็นที่สังเกตได้อย่างชัดเจนว่า ทั้งกลุ่มผู้ประท้วงและตำรวจต่างฝ่ายต่างใช้กลยุทธ์ใหม่ โดยฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการปฏิบัติงานนอกเครื่องแบบมากขึ้นเพื่ออำพรางตัว ขณะที่กลุ่มผู้ประท้วงมีการนำกลยุทธ์การศึกในตำราพิชัยสงคราม ‘ซุนวู’ ของจีนยุคโบราณมาใช้ในการชุมนุม นั่นคือ ‘การเคลื่อนไหวดุจสายน้ำที่ไม่เคยคงรูป’ มีการเปลี่ยนแปลง ยืดหยุ่นไปตามสถานการณ์ มีการรวมตัวกันแบบแฟลชม็อบในหลายพื้นที่พร้อมๆกัน ก่อนจะกระจายกำลังไปยังเป้าหมายอื่นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สถานการณ์การเผชิญหน้ายังคงมีความตึงเครียดในบางจุด และทำให้เชื่อว่าจะเกิดโอกาสในการปะทะและใช้ความรุนแรงเข้าใส่กันระหว่างผู้ชุมนุมประท้วงและเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไปอย่างยืดเยื้อ
 

“ดุจสายน้ำที่ไม่เคยคงรูป” ผู้ชุมนุมฮ่องกงเปิดตำรา ‘ซุนวู’ จัดหนักรัฐบาล

 “เราจะลื่นไหลและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น” อแมนดา ซิน พนักงานออฟฟิศอายุ 23 ปี ที่มาร่วมชุมนุมโดยสันติหน้ากองบัญชาการตำรวจในย่านเซ็นทรัล ฮ่องกง เปิดเผยกับผู้สื่อข่าววันนี้ (14 ต.ค.) พร้อมอธิบายว่า ผู้ชุมนุมใช้หลากหลายยุทธวิธีแตกต่างกันไปแล้วแต่สถานการณ์

 

นอกจากนี้ ผู้ชุมนุมยังใช้ยุทธวิธีโจมตีแบบกองโจร กระจายตัวกันออกไปปรากฏตัวปุบปับ ใช้วิธีกางร่มปิดบังปฏิบัติการที่ทำอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการพ่นสีเขียนข้อความต่างๆลงบนกำแพงอาคารหรือที่สาธารณะอื่นๆ ทุบทำลายร้านค้า หรือตั้งเครื่องกีดขวางถนน  เป้าหมายเพื่อสร้างผลกระทบให้มากที่สุด ผู้ชุมนุมยังใช้การนัดหมายกันทางออนไลน์กระจายตัวไปตามศูนย์การค้า สวนสาธารณะ สนามกีฬา และสถานที่อื่นๆ ซึ่งแตกต่างไปจากรูปแบบเดิมที่จะนัดชุมนุมรวมตัวกันในจุดใหญ่ไม่กี่จุด ผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งยอมรับว่า การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากกฎหมายฉุกเฉินห้ามใส่หน้ากากที่มีบทลงโทษทั้งจำทั้งปรับ ทำให้การเรียกชุมนุมเป็นกลุ่มใหญ่จำนวนเรือนหมื่นเรือนแสนคนเป็นเรื่องทำได้ยากขึ้น กลยุทธ์ทำตัวประดุจสายน้ำ ลื่นไหล ยืดหยุ่นตามสถานการณ์ แบบตำราพิชัยสงครามจึงเหมาะสมกว่า และเคลื่อนไหวปฏิบัติการได้คล่องตัวกว่า ที่สำคัญคือวิธีนี้ทำให้ตำรวจเตรียมตัวรับมือผู้ชุมนุมได้ยากขึ้น

 

 

“ปล่อยให้หมาล่าเนื้อวิ่งไล่ไปทั่ว พล่านไปทั่ว แล้วก็คุ้มคลั่งขึ้นเรื่อยๆ โดยจับเหยื่อไม่ได้ นี่คือวิธีที่ดีที่สุด” หนุ่มคนหนึ่งที่เข้าร่วมชุมนุมหน้ากองบัญชาการตำรวจร่วมกับคนอื่นๆราว 200 คนเมื่อคืนวันเสาร์ (12 ต.ค.) กล่าว
 

“ดุจสายน้ำที่ไม่เคยคงรูป” ผู้ชุมนุมฮ่องกงเปิดตำรา ‘ซุนวู’ จัดหนักรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม ฝั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็มีการปรับกลยุทธ์เช่นกัน โดยมีการจัดชุดปฏิการเร็วลงพื้นที่ จู่โจมเร็ว จับกุมเร็ว  เป็นที่สังเกตว่ารถตู้ของตำรวจจะปรากฏขึ้นในหลายๆพื้นที่อย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่นาทีหลังจากที่กลุ่มผู้ประท้วงในชุดดำเริ่มตั้งเครื่องกีดขวางถนน มีการใช้อุปกรณ์ตั้งแต่การชูป้ายสีฟ้าติดข้อความแจ้งเตือนให้สลายการชุมนุม  การใช้โล่พลาสติกเข้าปะทะ ไปจนถึงการใช้แก๊สน้ำตา สเปรย์พริกไท และปืนควบคุมการจลาจล

 

ฮ่องกงเผชิญการประท้วงมานานกว่า 4 เดือนเข้าเดือนที่ 5 แล้ว ซึ่งหลายครั้งลุกลามเป็นความรุนแรงเพื่อต่อต้านสิ่งที่พวกเขามองว่า เป็นการกระชับอำนาจของรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ การประท้วงเริ่มต้นจากการต่อต้านร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ก่อนจะลุกลามกลายเป็นขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตย และการระบายความโกรธแค้นของประชาชนที่มีต่อความไม่เท่าเทียมกันในสังคมของฮ่องกงที่ได้ชื่อว่า เป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจที่มีอสังหาริมทรัพย์ราคาแพงที่สุดในโลก

 

ผู้ประท้วงเชื่อว่า จีนกำลังลิดรอนเสรีภาพของคนฮ่องกงที่ได้รับการรับประกันภายใต้หลักการ ‘หนึ่งประเทศ สองระบบ’ ที่เริ่มใช้นับจากอังกฤษส่งมอบฮ่องกงคืนให้แก่จีนในปี 1997 (พ.ศ. 2540) แต่รัฐบาลจีนปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และระบุว่า ต่างชาติซึ่งรวมถึงอังกฤษ และสหรัฐอเมริกา เป็นผู้ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในฮ่องกง