อย่าชะล่าใจ ข้อตกลงมะกัน-จีน ‘เฟส1’ ไม่ใช่สัญญาสงบศึก

14 ต.ค. 2562 | 08:01 น.

ถึงแม้สหรัฐอเมริกาและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าขั้นแรกได้แล้วภายหลังการเจรจารอบล่าสุดที่กรุงวอชิงตัน ดีซี เมื่อวันที่ 10-11 ต.ค.ที่ผ่านมา แต่การตอบโต้กันด้วยกำแพงภาษีก็ยังไม่ได้สิ้นสุดลงอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด อาจกลับมาเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อและยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีนัยยะสำคัญ

อย่าชะล่าใจ ข้อตกลงมะกัน-จีน ‘เฟส1’ ไม่ใช่สัญญาสงบศึก

มอร์แกน สแตนลีย์ บริษัทที่ปรึกษาและผู้ให้บริการทางการเงินระดับโลก เปิดเผยว่า ตราบใดที่ยังไม่มีการกำหนดกลไกระงับข้อพิพาทระหว่างกันอย่างยั่งยืน การงัดมาตรการภาษีมาตอบโต้กันในรอบใหม่ก็สามารถเกิดขึ้นได้อีก สอดคล้องกับการวิเคราะห์ของวาณิชธนกิจ โกลด์แมน แซคส์ ที่ระบุว่า มีโอกาสความเป็นไปได้ถึง 60% ที่การเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่ม 15% จะเกิดขึ้นจริงตามที่สหรัฐอเมริกาเคยขู่เอาไว้ เพียงแต่อาจเลื่อนเป็นมีผลในช่วงต้นปีหน้า (2563) แทนที่จะเป็นวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ตามกำหนดเดิม

 

มอร์แกน สแตนลีย์ ชี้ว่า ข้อตกลงที่เพิ่งบรรลุกันได้เป็น ‘บางส่วน’ ระหว่างสหรัฐฯและจีน ถือเป็นข้อตกลงที่ไม่มีอะไรแน่นอน แต่ก็ดีที่สุดเท่าที่จะมีขึ้นได้ และขณะนี้ก็ยังไม่เห็นแนวทางว่าอัตราภาษีที่ทั้ง 2 ฝ่ายเพิ่มขึ้นและมีผลบังคับใช้แล้วในช่วงที่ผ่านมา จะลดลงได้อย่างไร
 

อย่าชะล่าใจ ข้อตกลงมะกัน-จีน ‘เฟส1’ ไม่ใช่สัญญาสงบศึก

ทั้งนี้ ผลจากการเจรจาที่ตกลงกันได้ในบางส่วน ทำให้สหรัฐฯประกาศระงับการขึ้นภาษีสินค้าจีนเพิ่มจากอัตรา 25% เป็น 30% วงเงิน 250,000 ล้านดอลลาร์ ที่เดิมจะมีผลในวันที่ 15 ต.ค.นี้ แต่การเจรจาก็ไม่ได้มีผลให้ภาษีที่สหรัฐฯเก็บเพิ่มแล้วในเดือนกันยายน ลดลงแต่อย่างใด และแผนการของสหรัฐฯที่จะขึ้นภาษีสินค้าจีนอีกชุดใหญ่ในวันที่ 15 ธ.ค. ก็ยังไม่ได้ถูกระงับ



“ตอนนี้ยังไม่มีหนทางใดๆที่จะนำไปสู่การลดกำแพงภาษีที่ต่างฝ่ายต่างมีอยู่ และการขึ้นกำแพงภาษีก็ยังเป็นความเสี่ยงที่มีนัยยะสำคัญ ดังนั้น จึงไม่อาจจะคาดหวังได้ว่าจะมีการกระเตื้องขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในส่วนของกิจกรรมภาคธุรกิจเอกชนที่จะเป็นพลังขับเคลื่อนให้ความคาดหวังเกี่ยวกับการเติบโตของเศรษฐกิจโลกขยับสูงขึ้น” บทวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ระบุ

 

ไม่มีสิ่งใดรับประกัน ‘เทรดวอร์’ ยุติ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวว่า ข้อตกลงการค้าขั้นแรก หรือ ‘ข้อตกลงเฟส1’ นั้นจะจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษรเสร็จเรียบร้อยภายใน 3 สัปดาห์นับจากนี้ และส่วนหนึ่งของเนื้อหาข้อตกลงดังกล่าว คือการที่จีนตกลงจะซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯเป็นมูลค่าระหว่าง 40,000-50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  

 

บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินและการลงทุน เอเวอร์คอร์ มองในเชิงบวกโดยคาดหมายว่า ข้อตกลงที่เกิดขึ้นจะทำให้การขึ้นภาษีเพิ่มเติมถูกเลื่อนออกไปจากกำหนดเดิม และเชื่อว่าจะยังไม่มีการเก็บภาษีเพิ่มในปี 2563 อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงเฟส 1 นี้ไม่ได้ทำให้บริษัททั่วโลกมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นในการที่จะลงทุน ผลิต หรือจ้างแรงงานใหม่ๆ และหากรัฐบาลสหรัฐฯยังคงมีแนวความคิดว่า จะต้องหยุดยั้งการผงาดขึ้นมาของจีน นั่นก็หมายความว่า สงครามการค้าจะยังคงดำเนินต่อไป  

 

“ถ้อยแถลงของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ว่า สงครามการค้าใกล้จะถึงจุดยุติแล้วฟังไม่ขึ้น เพราะคาดว่าอัตราภาษีที่ขึ้นมาแล้วจะยังไม่ลดลงในปีหน้า แต่ก็ยังเชื่อว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในเชิงบวกให้ได้ประหลาดใจกัน” เนื้อหาบทวิเคราะห์ของเอเวอร์คอร์ระบุ พร้อมทั้งให้นิยามความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนว่า ตราบเท่าที่กำแพงภาษีที่ตอบโต้กันยังคงมีอยู่ ความสัมพันธ์ในขณะนี้ก็ถือว่าไม่ดีนัก
 

อย่าชะล่าใจ ข้อตกลงมะกัน-จีน ‘เฟส1’ ไม่ใช่สัญญาสงบศึก

แค่เลื่อนและชะลอการเผชิญหน้า

ด้านวาณิชธนกิจโกลด์แมน แซคส์ มองว่ามีโอกาสความเป็นไปได้ถึง 60% ที่การเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่ม 15% จะเกิดขึ้นจริงตามที่สหรัฐอเมริกาเคยขู่เอาไว้ เพียงแต่อาจเลื่อนเป็นมีผลในช่วงต้นปีหน้า (2563) แทนที่จะเป็นวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ตามกำหนดเดิม ขณะที่เจพี มอร์แกน เห็นว่า ข้อตกลงเฟส1 เป็นพัฒนาการในเชิงบวกหลังจากที่การเผชิญหน้าทางการค้าทวีความรุนแรงมาหลายเดือน แต่ตลาดก็ไม่ได้ประหลาดใจกับผลลัพธ์ของการเจรจามากนัก ซ้ำยังคาดว่า การเผชิญหน้าในเชิงปฏิปักษ์อาจกลับมาเกิดขึ้นได้อีกในเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2563 ใกล้เข้ามา

 

“ในช่วงหลายสัปดาห์ก่อนที่จะมีการเจรจา นักลงทุนมีความหวังสูงกับข้อตกลงซึ่งอาจจะเป็นข้อตกลงเล็กๆก่อน ดังนั้น ข้อตกลงบางส่วนที่ประกาศเมื่อวันศุกร์ (11 ต.ค.) แม้จะไม่ใช่ข้อตกลงที่ครบสมบูรณ์ ก็ยังให้ผลลัพธ์ในเชิงบวก” เจพี มอร์แกน คาดหมายว่า ผลกระทบจากข้อตกลงบางส่วนนี้จะช่วยลดทอนความเสี่ยงทางเศรษฐกิจในไตรมาสถัดๆไปจากนี้ แต่ไม่มีผลยับยั้งแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก