นักลงทุนมืออาชีพ ปั้นธุรกิจเอสเคิร์ฟสู่อนาคต

13 ต.ค. 2562 | 04:55 น.

'จะเลือกลงทุนในธุรกิจที่เห็นโอกาสการเติบโต เป็นเอสเคิร์ฟ โดยหัวใจหลักในการเลือกลงทุน คือ 1.ดูที่ตัวธุรกิจ ต้องมีโอกาสในการเติบโต 2. คน ต้องมีความน่าเชื่อถือ ไว้ใจได้ และ 3. เราต้องเป็นผู้บริหารการเงิน'

นักลงทุนยุคใหม่ ที่มองเห็นโอกาสทางธุรกิจ พร้อมๆ กับการดูแลรักษาโลกด้วยพลังงานสะอาด เป็นแนวทางที่ผู้บริหารรุ่นใหม่ "วีระพล ไชยธีรัตต์" กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) เลือกเดิน หลังจากรับสืบทอดธุริกจโรงงานฟอกหนังจากรุ่นคุณพ่อ เขาก็เริ่มมองหาธุรกิจใหม่ๆ แม้โรงงานฟอกหนังที่รับทำเบาะรถให้กับแบรนด์ใหญ่ อย่าง ฮอนด้า และอีซูซุ จะเป็นธุรกิจที่มีรายได้ดีและคงที่ แต่ด้วยความที่เป็นคนแอคทีฟ จึงไม่อยากนำความรู้ที่มีด้านวิศวะ มาจอดไว้นิ่งๆ แค่ธุรกิจของครอบครัว

นักลงทุนมืออาชีพ ปั้นธุรกิจเอสเคิร์ฟสู่อนาคต

"วีระพล" เล่าว่า เขาเริ่มสนใจธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานสะอาด หรือพลังงานทดแทน หลังจากเห็นผลกระทบจากไฟไหม้ใหญ่กองขยะที่สมุทรปราการ เขาเริ่มมองหาธุรกิจที่เนมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อะไรที่เป็นพลังงานสีเขียว และในที่สุดจึงเริ่มลงทุนในโรงไฟฟ้าโซล่าฟาร์มขนาด 5 เมกกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าไบโอแมส ขนาด 8 เมกะวัตต์ ที่เริ่มทำรายได้ให้เห็นแล้วในปีนี้ หลังจากลงทุนมากประมาณ 4-5 ปี

นอกจากโรงงานไฟฟ้า เขายังต่อยอดธุรกิจ ด้วยรายได้ทีได้จากโรงงานฟอกหนังและโรงไฟฟ้า สู่การร่วมลงทุนในบริษัท สกุลฏ์ซี อินโนเวชั่น จำกัด โดยเข้าถือหุ้น 50.01% ร่วมพัฒนาธุรกิจสู่การเป็นผู้ผลิตรถโดยสารอลูมิเนียม และเรืออลูมิเนียมรุ่นใหม่ ด้วยฝีมือคนไทย ซึ่ง "วีระพล" บอกว่า ธุรกิจของสกุลฎ์ซีฯ จะเป็นธุรกิจที่มาแรงมาก และทำรายได้มากกว่า 2 ธุรกิจแรก ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งขณะนี้บริษัทได้นำเทคโนโลยีใหม่ ผลิตรถและเรืออลูมิเนียม ที่มีความเบา และประหยัดพลังงาน เพราะเป็นวัสดุที่ใช้ผลิตตัวถังของซูเปอร์คาร์ แต่สกุลฎ์ซีฯ เป็นผู้ผลิตไทยที่ดึงวัสดุและเทคโนโลยีเหล่านี้มาอยู่ในเรือและรถ

นักลงทุนมืออาชีพ ปั้นธุรกิจเอสเคิร์ฟสู่อนาคต

การทำธุรกิจ โรงไฟฟ้า ลงทุนหนักครั้งแรก เหมือนอินฟราสตรัคเจอร์ แต่กินยาว สัญญาระยะยาว เป็น recurring income ที่สร้างรายได้สม่ำเสมอ โรงไฟฟ้าใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000-1,200 ล้านบาทในเบื้องต้น หลังจากนั้นก็คอยเก็บเกี่ยวรายได้ ซึ่งภายในปีหน้าจะมีการลงทุุนเพิ่มอีก 2 โรง เป็นโรงไฟฟ้าจากขยะ ขณะเดียวกัน ก็ยังขยายธุริกจของสกถลฎ์ซีฯ โดยกำลังผลิตรถต้นบัสต้นแบบให้กับ ขสมก.ขนาด 12 เมตร เป็นรถอีวี และยังผนึกกับพันธมิตรรายใหญ่ในธุรกิจพลังงาน เพื่อพัฒนารถอีวีออกสู่ตลาด นอกจากนี้ เขายังเตรียมขยายธุรกิจต่อเนื่อง ด้วยการร่วมลงทุนในธุรกิจไฟแนนซ์ หรือบริษัทลิซซิ่ง ซึ่งเป็นธุริกจที่เชื่อมต่อกับการทำธุรกิจรถบัส และรถมือสอง

ผู้บริหารท่านนี้ บอกว่า การลงทุนในธุรกิจใหม่ของเขา จะเลือกลงทุนในธุรกิจที่เห็นโอกาสการเติบโต เป็นเอสเคิร์ฟ โดยหัวใจหลักในการเลือกลงทุน คือ 1.ดูที่ตัวธุรกิจ ต้องมีโอกาสในการเติบโต 2. คน ต้องมีความน่าเชื่อถือ ไว้ใจได้ และ 3. เราต้องเป็นผู้บริหารการเงิน

การลงทุนในแต่ละธุรกิจ ต้องศึกษาอย่างละเอียดและใช้เวลาพอสมวร ไม่ได้บูมบ่าม ดูใจกันเป็นปี อย่างการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้า มันจะหนักใน 2-3 ปีแรก แต่หลังจากนั้น กระแสเงินสดจะดีมาก ทำให้สามารถต่อยอดการลงทุนสู่ธุรกิจตัวใหม่ๆ ได้ และธุรกิจที่เลือก ก็ต้องเป็นธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ หรือรู้จักพอสมควร และสามารถพยายากรณ์ได้ว่า มีการเติบโตแน่นอน ส่วนหลังการลงทุนแล้ว จะปล่อยทิ้งหรือไม่อยู่ที่แนวโน้มของธุรกิจว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องหรือเปล่า ถ้าไม่เห็นโอกาสก็เป็นไปได้ที่จะปล่อยไป แต่สำหรับ สกุลฎ์ซีฯ ขณะนี้มีนักลงทุนรายใหม่ ที่จะเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ ทำให้ธุรกิจมีมูลค่าเติบโตได้ถึง 3,000 ล้านบาท หลังจากที่บริษัทฯ ลงทุนเริ่มต้นไปราว 300 ล้านบาท  

 

นักลงทุนมืออาชีพ ปั้นธุรกิจเอสเคิร์ฟสู่อนาคต

ขณะนี้ ธุรกิจในกลุ่มบริษัท ชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จํากัด (มหาชน) เริ่มจากโรงงานฟอกหนัง ยังทำรายได้สูงสุด คือ ราว 1,500 ล้านบาท ด้านโรงไฟฟ้าทำรายได้ราว 400 ล้านบาท และที่เหลือมาจากเรือรถและเรือ อีกกว่า 100 ล้านบาท รวมแล้วประมาณ 2,000 ล้านบาท สำหรับปีหน้า มองว่ารถ และสกุลฎ์ซีฯ จะทำรายได้เกิน 1,000 ล้านบาท และปี 2563 คาดว่าจะทำรายได้เกินกว่า 3,000 ล้านบาท

ผู้บริหารท่านนี้มองว่า ภายในอีก 3 ปีข้างหน้า เขาจะวางมือจากงานโอปอเรชั่นทั้งหมด ไปอยู่โฮลดิ้ง เพื่อไปดูแลธุรกิจ พาร์ทเนอร์ และบริหารการเงิน โดยจะส่งต่อให้มืออาชีพเข้ามาทำหน้าที่บริหารต่อ ส่วนเรื่องของทายาท "วีระพล" บอกว่า ตอนนี้ส่งให้ไปเรียนรู้งานจากบริษัทใหญ่ๆ จนกว่าจะมีความแข็งแกร่งพอ จึงจะให้เข้ามาร่วมงานบริษัทในเครือ เพราะความเชื่อมั่นของเขาสำหรับนักบริหารมืออาชีพ ที่จะประสบความสำเร็จได้ ต้องเรียนรู้เยอะ ประสบการณืเยอะ ต้องล้มลุกคลุกคลาน มีประสบการณ์มากพอสมควร เพื่อเสริมสร้างทักษะในการตีโจทย์อนาคตให้แตก นั่นจึงจะเป็นประตูสู่ความสำเร็จ

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,512 วันที่ 10 - 12 ตุลาคม พ.ศ. 2562

นักลงทุนมืออาชีพ ปั้นธุรกิจเอสเคิร์ฟสู่อนาคต