ร้านหมอนใหญ่ใจดีชูกลยุทธ์ส่งออกเป็นหลัก ชี้เน้นเจาะกลุ่มประเทศเอเชีย ระบุใช้แผนเดินทางท่องเที่ยวเพื่อสานสัมพันธ์ก่อนนำเสนอผลิตภัณฑ์ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาพบนช่องทางออนไลน์ ด้านในประเทศลงทุนขยายร้านย้ายทำเลเพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงง่าย เชื่อปีนี้รายได้แตะ 10 ล้านบาท
นายพัฒนะ งามสาย เจ้าของธุรกิจจำหน่ายหมอนขิตและผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆที่เกี่ยวกับงานขิตร้าน “หมอนใหญ่ใจดี” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า กลยุทธ์การทำตลาดเพื่อขยายฐานลูกค้าของร้านในระยะต่อไปจะมุ่งเน้นที่ตลาดส่งออกเป็นหลัก โดยมองที่กลุ่มประเทศในเอเชียก่อน ซึ่งตนจะใช้วิธีการเดินทางไปยังประเทศดังกล่าวเหล่านั้น เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มองว่าน่าจะมีความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ของร้านในลักษณะของการเดินทางไปท่องเที่ยว หลังจากนั้นจึงขออี-เมล์ หรือช่องทางการติดต่อที่สะดวกไว้ เพื่อนำส่งแค็ตตาล็อกผลิตภัณฑ์ของร้านทั้งหมดให้ดูสำหรับสั่งซื้อผลิตภัณฑ์
นอกจากนี้ ยังจะพยายามพัฒนาช่องทางออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นทุกช่องทางไม่ว่าจะเป็นเพจเฟซบุ๊ก, เว็บไซต์, อินสตาแกรม และไลน์ โดยจะใช้เป็นช่องทางในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมถึงการกระตุ้นออร์เดอร์ด้วยโปรโมชัน และการซื้อโฆษณาเพื่อประสัมพันธ์เป็นระยะ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสถาน การณ์ของตลาดด้วยว่าเป็นอย่างไร หากช่วงออร์เดอร์ไม่มากก็จะดำเนินกลยุทธ์
“ร้านจะเน้นตลาดการส่งออกเป็นหลัก โดยที่ปัจจุบันมีลูกค้าอยู่แล้วที่ประเทศออสเตรเลีย, เยอรมนี, แคนาดา และฝรั่งเศส ซึ่งในระยะต่อไปจะมุ่งเข้าเจาะตลาดเอเชีย โดยเฉพาะที่จีนซึ่งจากการสำรวจตลาด พบว่ายังมีความต้องการผลิตภัณฑ์ของร้านอีกเป็นจำนวนมาก”
ขณะที่การจำหน่ายภายในประเทศนั้น จะเป็นการจำหน่ายผ่านหน้าร้านที่จังหวัดยโสธร โดยล่าสุดได้มีการลงทุนขยายหน้าร้านมายังทำเลใหม่ ซึ่งมีพื้นที่กว้างมากกว่า เพื่อให้มีพื้นที่ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และเก็บผลิตภัณฑ์ที่จะทำการส่งออกต่อไป โดยในระยะต่อไปจะมีการขยายร้านเพิ่มขึ้นอีก สำหรับเก็บผลิตภัณฑ์ที่จะส่งออกโดยเฉพาะเนื่องจากมองว่าในปัจจุบันพื้นที่ยังมีไม่เพียงพอ
“ทำเลหน้าร้านเดิมที่เคยจำหน่ายอยู่ในทำเลไม่ค่อยดีเท่าใดนัก ซึ่งมีผลต่อยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ดังนั้นร้านจึงต้องย้ายทำเลใหม่ เพื่อให้ลูกค้าพบเจอได้ง่ายขึ้น”
อย่างไรก็ดี ในระยะต่อไปตนยังมีแผนที่จะสร้างแบรนด์เป็นของตนเองเพื่อจำหน่าย จากเดิมที่เคยทำมาแล้วระยะหนึ่งแต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่จะเข้ามาซื้อเพื่อไปจำหน่ายต่อ ซึ่งเมื่อมีแบรนด์ก็ทำให้จำหน่ายได้ยาก อีกทั้งลูกค้าเองก็ต้องการผลิตภัณฑ์ทันที ไม่ต้องการรอให้มีการผลิตใหม่ให้ โดยตนจะทำให้ชัดเจนมากขึ้นทั้งที่เป็นแบรนด์ของร้านเอง และที่ทำเพื่อจำหน่ายในรูปแบบของการขายส่ง ซึ่งที่ผ่านมาร้านจะติดแบรนด์ได้เฉพาะช่วงเทศกาลปีใหม่ และสงกรานต์ เป็นต้น
นายพัฒนะ กล่าวต่อไปอีกว่า จากการดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าวเชื่อว่าจะทำให้ร้านมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 7-10 ล้านบาทในปีนี้ โดยสถานการณ์เรื่องของเงินบาทที่แข็งค่านั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของร้านแต่อย่างใด เนื่องจากลูกค้าของร้าน จะดำเนินการเปิดบัญชีธนาคารที่ประเทศไทย เพื่อโอนเงินมาเก็บไว้สำหรับชำระค่าผลิตภัณฑ์ ซึ่งร้านเองก็มีหลักเกณฑ์ด้วยว่า เมื่อได้รับการชำระเงินครบตามจำนวน ผลิตภัณฑ์ถึงจะถูกส่งออกไปให้
ส่วนจุดเด่นของผลิตภัณฑ์จากร้านหมอนใหญ่ใจดีนั้น จะอยู่ที่ความละเอียดของงาน ซึ่งการขึ้นรูปผลิตภัณฑ์จะต้องทำด้วยมือ แต่ร้านเองก็มีผลิตภัณฑ์ที่เป็นเกรดรองลงมา เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าด้วย นอกจากนี้ ร้านยังมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นหมอนรองคอ, หมอนสามเหลี่ยม, เบาะรองนั่ง หรือเรียกว่าทุกอย่างที่เกี่ยวกับงานหัตถกรรม ซึ่งสามารถนำผ้าขิตมาทำได้
หน้า 8 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3512 วันที่ 10-12 ตุลาคม 2562