เอ็มเฟลกซ์เดินหน้านำวัสดุเหลือใช้ต่อยอดผลิตภัณฑ์ หวังเพิ่มทางเลือกลูกค้าและขยายตลาด แย้มเตรียมนำสีผสมลงไปในขั้นการผลิต พร้อมนำกระสอบปูนมาเพิ่มมูลค่า เชื่อรายได้ปีนี้โต 1 เท่าตัวจากปีที่ผ่านมา
นางสาวมนิษฐา ไรแสง เจ้าของธุรกิจ และผู้ก่อตั้ง บริษัท เอ็มเฟลกซ์ แฟคทอรี จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐบล็อกช่องลมจากฟางข้าว เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า บริษัทได้ดำเนินการต่อยอดผลิตภัณฑ์ไปสู่การทำอิฐบล็อกจากฟางข้าวที่ผสมสีลงไปในตัวอิฐบล็อกเลย เพื่อให้มีสีสันสวยงาม อีกทั้งยังมีการนำเสนออิฐบล็อกที่ผสมกากกาแฟ และอิฐบล็อกจากเศษพลาสติกไฟเบอร์กลาส เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าในการนำไปตกแต่งที่อยู่อาศัย และขยายฐานลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทได้ดำเนินการเพื่อขอใช้กากกาแฟกับร้านจำหน่ายกาแฟแบรนด์ใหญ่ในประเทศ เพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิต ขณะที่ในส่วนของไฟเบอร์กลาส บริษัท ได้ดำเนินการติดต่อกับโรงงานที่ผลิตเซิร์ฟบอร์ด ซึ่งจะมีเศษขยะพลาสติกเหลือใช้จำนวนมาก และถือว่าเป็นขยะเคมีมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเป็นอิฐบล็อกคอนกรีตเพื่อปูเป็นทางเดินเท้า
“วัตถุประสงค์หลักของเอ็มเฟลกซ์ ก็คือ การนำวัสดุเหลือใช้จากธรรมชาติมาผสมผสานกับวัสดุก่อสร้างที่เป็นแบบสังเคราะห์ให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ ภายใต้เงื่อนไขของความยืดหยุ่น ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของลูกค้า โดยมีกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างสรรค์ได้ด้วยตนเอง (D.I.Y.) โดยเรายังคงคอนเซ็ปต์ไว้อย่างสมํ่าเสมอ ซึ่งเป็นความตั้งใจนำสิ่งที่คนอื่นอาจมองไม่เห็นมูลค่ามาเพิ่มมูลค่า และสามารถใช้งานได้จริง”
อย่างไรก็ดี บริษัทกำลังอยู่ในขั้นตอนของการวิจัย และพัฒนา การนำสีผสมลงไปในขั้นตอนการผลิตอิฐบล็อกเลย เพื่อให้สีกับอิฐเป็นเนื้อเดียวกัน เช่น คราม ที่ใช้สำหรับย้อมผ้า เป็นต้น ซึ่งคาดว่าช่วงประมาณปลายปีนี้น่าจะสามารถผลิตออกมาเพื่อจำหน่ายได้ นอกจากนี้ บริษัทยังมองถึงแนวทางในการนำกระสอบปูนซีเมนต์มาเป็นส่วนผสมในการผลิตอิฐบล็อกเพื่อจำหน่ายด้วย เนื่องจากในขั้นของการผลิตนั้น บริษัทจะต้องใช้ปูนจำนวนมาก ทำให้มีกระสอบปูนที่เหลือใช้อยู่
นางสาวมนิษฐา กล่าวต่อไปอีกว่า บริษัทยังมีแผนที่จะขยายโรงงานการผลิต เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มีมากขึ้น โดยปัจจุบันมียอดออร์เดอร์จองเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ถึงเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมของปีหน้าในส่วนที่เป็นลูกค้ารายกลางถึงเล็ก และลูกค้ารายย่อย ขณะที่ลูกค้ารายใหญ่ที่ต้องการปริมาณ 10,000-100,000 ก้อน บริษัทจะสามารถดำเนินการจัดส่งให้ได้ในปี 2563
ขณะที่ในส่วนของกลยุทธ์ในการขยายตลาดนั้น บริษัทจะดำเนินการเข้าหากลุ่มลูกค้าที่เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ และโรงแรมผ่านผู้ออกแบบ โดยบริษัทจะเข้าไปมีส่วนร่วมตั้งแต่กระบวนการนำเสนอความคิด หรือการแชร์ไอเดีย ซึ่งบริษัทมีความพร้อมในการขึ้นแม่พิมพ์ใหม่ได้ใหม่เสมอตามความต้องการของผู้ออกแบบว่าจะต้องการรูปทรงแบบไหน อย่างไร
“ช่องทางเดิมของบริษัทจะจำหน่ายผ่านออนไลน์เป็นหลักประมาณ 90% ทั้งเว็บไซต์ เพจเฟซบุ๊ก ขณะที่ช่องทางผ่านหน้าร้านก็มีบ้างแต่ไม่มาก เนื่องจากส่วนใหญ่จะเป็นการออร์เดอร์
เข้ามา”
นางสาวมนิษฐา กล่าวต่อไปอีกว่า จากกลยุทธ์การทำตลาดดังกล่าวเชื่อว่าจะทำให้ปีนี้บริษัทมีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าจากปีที่ผ่านมา โดยจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ที่บริษัทผลิตจะอยู่ที่ผิวของอิฐบล็อกที่มีความเรียบร้อยสวยงาม สามารถนำไปก่อได้ทันทีเพื่อโชว์ลวดลาย อีกทั้งลูกค้ายังสามารถกำหนดได้เอง ว่าต้องการรูปทรงแบบไหน หรือสีอะไรนอกเหนือไปจากผลิตภัณฑ์พื้นฐานของบริษัทที่จำหน่ายอยู่ จากเดิมที่ในตลาดจะเป็นรูปแบบและลวดลายเดิมๆ และยังไม่มีการกำหนดจำนวนของการสั่งขั้นตํ่า ทำให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี
หน้า 8 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3512 วันที่ 10-12 ตุลาคม 2562