เดินหน้าฟื้นฟู “โรงภาษีร้อยชักสาม”

09 ต.ค. 2562 | 08:59 น.


กรมธนารักษ์ ร่วมมือกับ“ยู ซิตี้” บูรณะอาคารประวัติศาสตร์อายุกว่า 130 ปี “โรงภาษีร้อยชักสาม”พลิกฟื้นพื้นที่ย่านเจริญกรุงสู่เมืองแห่งความรุ่งเรืองริมแม่น้ำเจ้าพระยา
 
บริษัท ยู ซิตี้ (จำกัด) มหาชน พร้อมด้วยกรมศิลปากร เริ่มลงพื้นที่สำรวจทางโบราณคดีพร้อมทั้งบันทึกและศึกษารายละเอียดด้านสถาปัตยกรรมของ อาคารศุลกสถาน (The Custom House) หรือโรงภาษีร้อยชักสาม   บนที่ราชพัสดุเนื้อที่ 5 ไร่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อดำเนินการเนรมิตอาคารประวัติศาสตร์อายุกว่า 130 ปีแห่งนี้ ให้กลับมาเจริญรุ่งเรืองอีกครั้ง พร้อมทั้งยกระดับศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในย่านเจริญกรุง

เดินหน้าฟื้นฟู “โรงภาษีร้อยชักสาม”

โดยจัดตั้งคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศเข้าร่วมพัฒนาโครงการ สืบเนื่องจากการลงนามข้อตกลง “โครงการพัฒนาที่ราชพัสดุแปลงที่ตั้งโรงภาษีร้อยชักสาม”  ระหว่าง กระทรวงการคลัง กับ ยู ซิตี้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ขณะนี้ โครงการพัฒนาโรงภาษีร้อยชักสาม ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญจากกองโบราณคดี กรมศิลปากร เริ่มต้นขั้นตอนการขุดค้นทางโบราณคดีโดยรอบพื้นที่   และสเก๊ตช์ภาพเพื่อบันทึกหลักฐานทางประวัติศาสตร์และรูปแบบโครงสร้างดั้งเดิมของตัวอาคารโดยละเอียด โดยคาดการณ์ว่าการสำรวจดังกล่าวจะเสร็จสิ้นในช่วงต้นปี 2563 

ทั้งนี้ ข้อมูลจากการสำรวจและโครงสร้างเดิมที่ค้นพบจากการขุดค้นดังกล่าวจะถูกนำมาใช้อ้างอิงสำหรับการบูรณะอาคารโบราณสถานและก่อสร้างอาคารใหม่ที่จะเกิดขึ้นภายในพื้นที่ในอนาคต

เดินหน้าฟื้นฟู “โรงภาษีร้อยชักสาม”

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธานโครงการพัฒนาโรงภาษีร้อยชักสาม ได้ต้อนรับตัวแทนจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่มาร่วมงานเริ่มเข้าพื้นที่สำรวจทางโบราณคดีและศึกษารายละเอียดด้านสถาปัตยกรรม ได้แก่ นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, นายอำนวย ปรีมนวงศ์ อดีตอธิบดีกรมธนารักษ์, นางประนอม คลังทอง รองอธิบดีกรมศิลปากรรักษาการแทนอธิบดี และ ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์

อาคารศุลกสถานหรือโรงภาษีร้อยชักสาม ถือเป็นอาคารเก่าแก่ซึ่งอยู่คู่กับย่านเจริญกรุงริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามาอย่างยาวนาน และเป็นสัญลักษณ์ของความเจริญรุ่งเรืองทั้งในด้านของเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมในอดีตโดยเฉพาะในช่วงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ซึ่งหน่วยงานต่างๆ และชุมชน

เดินหน้าฟื้นฟู “โรงภาษีร้อยชักสาม”

“ ยู ซิตี้ ตระหนักถึงความสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ประเมินค่าไม่ได้ของทั้งตัวอาคารและชุมชนโดยรอบ จึงพร้อมใจสนับสนุนการดําเนินการพัฒนาเพื่อฟื้นฟูอาคารอันทรงคุณค่าที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นโบราณสถานแห่งนี้ ให้ยังคงมีประโยชน์และคุณค่าสําหรับคนรุ่นหลังต่อไป โดยจะเน้นการพัฒนาฟื้นฟูอาคารอนุรักษ์เดิมแบบร่วมสมัย เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้คนได้มาชื่นชมความสวยงามในอดีตของริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามากขึ้น”

ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์ระบุว่า อาคารศุลกสถานนับเป็นหนึ่งในอาคารที่มีสถาปัตยกรรมยุโรปที่ทันสมัยที่สุดในอดีต และเมื่อประกอบกับปัจจัยภายนอกอย่างการตัดถนนเจริญกรุงเพื่อขยายเมืองกรุงเทพฯ ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 บริเวณโดยรอบโรงภาษีร้อยชักสามจึงถือเป็นย่านเศรษฐกิจที่เจริญรุ่งเรืองมากที่สุดแห่งหนึ่งในราชอาณาจักรสยาม 

เดินหน้าฟื้นฟู “โรงภาษีร้อยชักสาม”

อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ที่มีกลุ่มชาวต่างชาติจำนวนมากเดินทางเข้ามาค้าขายและตั้งถิ่นฐานอันนำมาซึ่งการผสมผสานของวัฒนธรรมที่หลากหลายในพื้นที่ ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวยังคงรายล้อมด้วยสถานที่สำคัญหลายแห่ง อาทิ สถานทูตฝรั่งเศส มัสยิดฮารูณ วัดม่วงแค ร้านค้าดั้งเดิม รวมถึงโรงเรียนและโบสถ์อัสสัมชัญ

ในอดีต นอกจากจะใช้เป็นที่ทำการเก็บภาษีสินค้าขาเข้าและขาออกที่เรียกว่า “ภาษีร้อยชักสาม” แล้ว อาคารแห่งนี้ยังเคยเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ของเชื้อพระวงศ์และชาวต่างชาติ 
อีกทั้งเป็นส่วนหนึ่งของงานสมโภชเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จนิวัติพระนครหลังจากเสด็จประพาสยุโรปครั้งแรก จนกระทั่งปี พ.ศ. 2502 อาคารศุลกสถานถูกปรับเป็นที่ทำการของสถานีตำรวจดับเพลิงบางรัก อยู่เป็นระยะเวลายาวนานกว่า 60 ปี ก่อนจะย้ายออกไป ปัจจุบันตัวอาคารถูกปิดการเข้าใช้งาน และอยู่ในสภาพทรุดโทรม โดยมีโครงสร้างส่วนหนึ่งชำรุดผุพัง

เดินหน้าฟื้นฟู “โรงภาษีร้อยชักสาม”

“ด้วยความช่วยเหลือจากทีมผู้เชี่ยวชาญทั้งในด้านศิลปกรรม สถาปัตยกรรม และวิศวกรรม รวมทั้งการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย โครงการพัฒนาโรงภาษีร้อยชักสามจะเป็นไปตามหลักการบูรณะอาคารที่ได้รับการยอมรับในระดับสากลในทุกขั้นตอน โดยเราจะยึดการอนุรักษ์ความงดงามของสถาปัตยกรรมดั้งเดิมเป็นหลัก และพลิกฟื้นกลิ่นอายของประวัติศาสตร์ในแนวทางสากลเพื่อฟื้นคืนชีพ

สถาปัตยกรรมให้สมบูรณ์ใกล้เคียงกับความเป็นจริงในอดีตมากที่สุด การบูรณะจะเริ่มต้นขึ้นทันทีหลังจากการศึกษาเสร็จสิ้น และทาง ยู ซิตี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การบูรณะอาคารโบราณสถานครั้งนี้ จะทำให้อาคารแห่งนี้กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง และต้อนรับความศิวิไลซ์ครั้งใหม่ในย่านริมน้ำเจ้าพระยาไปพร้อมๆ กัน” นายคีรีกล่าว


อนึ่ง โครงการพัฒนาโรงภาษีร้อยชักสาม ตั่้งอยู่บนพื้นที่ 5 ไร่ จะใช้เวลาดำเนินการ 6 ปี ประกอบด้วยการสำรวจขุดค้นทางโบราณคดี การบูรณะซ่อมแซมอาคารเดิมจำนวน 3 หลัง ด้วยการเสริมโครงสร้างและความแข็งแรง การตกแต่งภายนอก และการตกแต่งภายใน รวมถึงการสร้างอาคารใหม่อีก 1 หลัง โดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นในปี  2568 โดยใช้งบประมาณการลงทุนกว่า 4,600 ล้านบาท