ไทยไลอ้อน แอร์ ดันสนามบิน อู่ตะเภา ฮับบินใหม่เอเชีย รับมหานครการบิน เดินหน้าขยายเน็ตเวิร์กจีน-อินเดียปีหน้า นำเครื่องบินอีก 50 ลำที่จะรับมอบในอีก 5 ปีนี้ มายึดหัวหาดให้บริการ แข่ง 15 สายการบิน
ปัจจุบันไม่เพียงการเติบโตของผู้โดยสารและเที่ยวบินที่ใช้บริการท่าอากาศยานอู่ตะเภา ที่ขยายตัวก้าวกระโดด จากผู้ใช้บริการราว 7.3 แสนคนในปี 2559 ขยับมาเป็น 1.99 ล้านคนในปีที่ผ่านมา ยังมีปัจจัยสำคัญอย่างโครงการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ของรัฐบาล เป็น แรงขับเคลื่อนให้ธุรกิจสายการบิน มองยุทธศาสตร์การขยายเน็ตเวิร์ก เพื่อผลักดัน สนามบินอู่ตะเภา เป็นศูนย์กลางการบินในเอเชีย
ล่าสุด “สายการบินไทยไลอ้อนแอร์” นอกจากให้บริการในเส้นทางบินประจำเส้นทางอู่ตะเภา-ขอนแก่น และเที่ยวบินเช่าเหมาลำบางเที่ยวบินสู่จีนแล้ว สายการบินยังประกาศแผนจะเพิ่มเส้นทางบินระยะใกล้และไกล สู่จีนและอินเดียในปี 2563 ทั้งยังจะทยอยรับมอบเครื่องบินเพิ่มอีก 50 ลำในช่วง 5 ปีนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะนำมาใช้สำหรับฮับบินที่สนามบินอู่ตะเภา
ปัจจุบันสนามบินอู่ตะเภามี 15 สายการบินเปิดให้บริการทั้งเที่ยวบินประจำและเที่ยวบินเช่าเหมาลำ รวมกว่า 33 เส้นทางบิน จากปริมาณเที่ยวบินราว 1.57 หมื่นเที่ยวบินในปีงบประมาณที่ผ่านมา หรือราว 8,208 เที่ยวบิน(ต.ค.-61-เม.ย.62)
เทียบเฉพาะในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (ก.ค.-ก.ย.62) พบว่า สายการบินไทยแอร์เอเชีย ทำการบินที่สนามบินอู่ตะเภามากที่สุด เฉลี่ย 400-500 เที่ยวบินต่อเดือน ครอบคลุมทุกภาค ของไทยและกัวลาลัมเปอร์ ตามมาด้วยเอสเอฟเอส เอวิเอชั่น เฉลี่ย 140-160 เที่ยวบินต่อเดือน และสายการบินบางกอกแอร์เวย์ เฉลี่ยกว่า 120 เที่ยวบินต่อเดือน
ส่วนไทยไลอ้อนแอร์ ปัจจุบันมีเที่ยวบินราว 92-106 เที่ยวบินต่อเดือน แต่ในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการใช้สนามบินอู่ตะเภาเป็นฮับบินในเอเชีย
นายอัศวิน ยังกีรติวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ กล่าวว่า สายการบินแผนขยายรูตบินและฝูงบิน โดยเตรียมเพิ่มอากาศยานอีก 50 ลำในช่วง 5 ปีนี้ (2563-2567) ซึ่งจะมีการรับมอบเครื่องบินอย่างน้อยปีละ 5-10 ลำ พร้อมจะมีการรับพนักงานเพิ่มอีกกว่า 300 คน เพื่อมาทำงานที่สนามบินอู่ตะเภา จากปัจจุบันสายการบินมีช่างทั้งหมด 500 คน
การที่ไทยไลอ้อนแอร์ มีแผนพัฒนาธุรกิจที่จะผลักดันอู่ตะเภา เป็นอีกหนึ่งในจุดศูนย์กลางบินในเอเชีย เนื่องจากท่าอากาศยานแห่งนี้ ปัจจุบันมีผู้โดยสารใช้บริการราว 2 ล้านคน ทั้งยังมีปัจจัยที่เอื้อต่อการเป็น “เมืองการบิน” ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการและการบำรุงรักษาอาคารผู้โดยสาร, ศูนย์ธุรกิจการค้า, ธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและโลจิสติกส์ ธุรกิจซ่อมเครื่องบิน , ศูนย์ฝึกอบรมบุคลากรการบิน และกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมอากาศยานที่อยู่ระหว่างเปิดประมูล
อีกทั้งในอนาคตจะมีโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน(ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ซึ่งจะช่วยยกระดับการขนส่งในพื้นที่ภาคตะวันออก และเป็นตัวเชื่อมกับท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่ปัจจุบันมีความหนาแน่นของการใช้บริการสูง ให้กระจายการเดินทางมาที่สนามบินอู่ตะเภาได้สะดวกขึ้น นายอัศวิน กล่าวทิ้งท้าย
หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3512 วันที่ 10-12 ตุลาคม 2562