สิ้นมนต์ขลัง  ต่างชาติทิ้ง บอนด์-หุ้น

09 ต.ค. 2562 | 23:52 น.

โบรกฯ เผยต่างชาติดึงเงินกลับจากหุ้น และไหลเข้าตราสารหนี้ไทยน้อยลง แม้ยังมีเสถียรภาพ และแข็งแกร่งในกลุ่ม TIP ชี้หุ้นไทยอิงเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก รับผลกระทบเติบโตตํ่า หวั่นเงินไหลออกต่อเนื่อง

ปัจจุบันตลาดหุ้นทั่วโลกยังมีความผันผวนจากสถานการณ์ต่างๆ ที่ยังไม่แน่นอน ทำให้กระแสเงินลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติผันผวนตาม มีทั้งไหลเข้าและไหลออก โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ที่เป็นเป้าหมายที่ปลอดภัยของนักลงทุน โดยตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม - 4 ตุลาคม 2562 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย 8 ประเทศ มีสถานะซื้อสุทธิ 6 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ไทเป อินเดีย และเกาหลีใต้ ส่วนประเทศไทย และมาเลเซีย อยู่ในสถานะขายสุทธิ ขณะที่ตราสารหนี้ไทยมีสถานะขายสุทธิ 493,827.29 ล้านบาท

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในมุมมองของนักลงทุนต่างชาติ การลงทุนในไทยถือว่ามีความเสี่ยงน้อย โดยเฉพาะในตราสารหนี้ เนื่องจากมีเสถียรภาพทางการเงิน เกินดุลบัญชีเดินสะพัด ทำให้เงินไหลเข้าดีกว่าประเทศอื่นในภูมิภาคที่ส่วนใหญ่ขาดดุลบัญชีเดินสะพัด แต่ยังอยู่ในปริมาณที่น้อยลง ส่วนในด้านของตลาดหุ้นนั้น มองว่าตลาดหุ้นไทยไม่ได้เป็นตัวเลือกหลักสำหรับนักลงทุนต่างชาติ เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นกลุ่ม TIP คือ ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ จากล่าสุดที่มีการขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยเพียงประเทศเดียว

สิ้นมนต์ขลัง  ต่างชาติทิ้ง บอนด์-หุ้น

อย่างไรก็ตาม สัดส่วนกว่า 40% ของตลาดหุ้นไทย คือหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ที่อิงกับปัจจัยในต่างประเทศเป็นหลัก เห็นได้ว่าในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวตามประเด็นต่างประเทศ ส่งผลให้มุมมองของนักลงทุนต่างชาติเริ่มเปลี่ยนไป ขณะที่การเติบโตของตลาดหุ้นไทยยังอิงกับการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศเป็นหลัก ทำให้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่เติบโตตํ่าในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้หากเศรษฐกิจไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น จะทำให้เงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติเริ่มค่อยๆ หายไป

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ฯ กล่าวว่า กระแสเงินทุนจากต่างชาติที่ไหลออกในช่วงที่ผ่านมา เกิดจากนักลงทุนกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง จากความไม่แน่นอนของสงครามการค้าสหรัฐฯ กับจีน ซึ่งยังรอผลการเจรจาว่าจะออกมาทิศทางไหน ทั้งนี้หากการเจรจาออกมาในเชิงบวก คือสหรัฐฯ ชะลอขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน จากเดิมที่มีกำหนดเก็บภาษีจากจีนในวันที่ 15 ตุลาคมนี้ ประมาณ 250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คาดว่าจะเห็นเงินไหลกลับเข้ามาในตลาดเกิดใหม่ รวมถึงกลุ่ม TIP

อย่างไรก็ตาม คาดว่าตลาดหุ้นกลุ่ม TIP และตลาดเกิดใหม่ยังมีโอกาสที่เงินทุนต่างชาติจะไหลกลับเข้ามาใหม่ เพราะช่วงก่อนหน้านี้ที่มีการขายออกของนักลงทุนต่างชาตินั้น ส่วนหนึ่งมาจากสภาพคล่องและความเสี่ยงหลายปัจจัย ทำให้เกิดการดึงเงินกลับ แต่คาดว่าหลังจากเดือนพฤศจิกายนสภาพคล่องจะกลับมาอีกครั้ง จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ลดงบดุล รวมถึงธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) มีมาตรการคิวอี และสงครามการค้าที่มีการเจรจาเป็นไปในทิศทางบวก จะส่งผลดีต่อตลาดกลุ่มดังกล่าว

นอกจากนี้ มองว่าในกลุ่ม TIP ไทยถือว่าแข็งแกร่งกว่า จากพื้นฐานที่ดี ทั้งเงินเกินดุล ค่าเงินบาท ทุนสำรองที่อยู่ในระดับสูง และมีสภาพคล่องที่ดีกว่า ทั้งนี้ยังคงมุมมองกระแสเงินลงทุนจากต่างชาติในปีนี้เป็นซื้อสุทธิ ถึงแม้ปัจจุบันจะพลิกกลับเป็นขายสุทธิ ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วง 6 ปีที่ผ่านมาต่างชาติขายสุทธิปีละ100,000 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าในช่วงที่เหลือมีโอกาสน้อยมากที่จะกลับมาขายอีก เพราะปัจจัยในประเทศเริ่มกลับมาดีขึ้น เช่น การปรับอันดับความน่าเชื่อถือ เป็นต้น

สำหรับเม็ดเงินที่จะไหลเข้ากองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (อาร์เอ็มเอฟ) ในช่วงปลายปีนี้ คาดว่าจะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาจะมีเงินเข้าซื้อทั้ง 2 กองทุนประมาณปีละ 50,000 ล้านบาท โดยต้องขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่า จะมีความชัดเจนของการตั้งกองทุนใหม่เพื่อเข้ามาทดแทนกองทุนแอลทีเอฟที่จะหมดสิทธิประโยชน์ทางภาษีในสิ้นปีนี้ หากมีการจัดตั้งได้ จะทำให้เงินไหลกลับเข้ามาซื้อได้ แต่ในช่วงนี้นักลงทุนส่วนใหญ่อาจจะเปลี่ยนไปเข้าซื้อกองทุนอาร์เอ็มเอฟมากขึ้น เพื่อลงทุนในระยะยาวแทน

หน้า 17-18 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,512 วันที่ 10-12 ตุลาคม 2562

                      สิ้นมนต์ขลัง  ต่างชาติทิ้ง บอนด์-หุ้น