ถอดโมเดล ‘ป๋าเปรม’ ต้นแบบแก้ปัญหาประเทศ

12 ต.ค. 2562 | 09:00 น.

 

จากเวทีกลางในงานมหกรรมหนังสือระดับชาติครั้งที่ 24 วันที่ 2-13 ตุลาคม 2562 ที่อิมแพ็ค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 2 เมืองทองธานี ช่วงคํ่าของวันที่ 6 ตุลาคม 2562 ..ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรีในสมัย พล..เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ร่วมด้วยนายประพันธุ์ คูณมี อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ อดีตเลขานุการรมว.การต่างประเทศ และ นายเกษมสันต์ วีระกุล ประธานกรรมการ บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมพูดคุยพร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างการเปิดตัวหนังสือ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ รัฐบุรุษคู่แผ่นดิน โดยมี นายบากบั่น บุญเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และบรรณาธิการอำนวยการ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ดำเนินรายการ

..ประสงค์ อดีตเลขา ธิการนายกฯ ซึ่งปัจจุบันอายุ 92 ปีแล้ว บอกว่า เรื่องเกี่ยวกับ พล..เปรม ซึ่งจัดพิมพ์ขึ้นมาใหม่เล่มนี้อาศัยข้อมูลจากที่เคยเขียนบันทึกเอาไว้เล่มหนึ่งในสมัยที่ พล..เปรม พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อ ปี 2531

..ประสงค์ บอกว่าตัวเองมีบุญและโชคดีที่มีโอกาสทำงานกับ พล..เปรม เพราะตลอดระยะเวลาที่ทำงานด้วยทั้งในตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ และเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ซึ่งขึ้นตรงกับนายกฯ ทั้ง 2 ตำแหน่ง

ระหว่างที่ยังเป็นเลขาฯ สมช. ยังไม่เกษียณ ท่านโทร.หาหลังจาก พล..จำลอง ศรีเมือง ลาออกจากเลขาธิการนายกฯ ท่านยํ้าก่อนว่า นี่เป็นตำแหน่งการเมืองนะขอให้คิดให้ดี เพราะเป็นตำแหน่งการเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น จากนั้นท่านบอกว่า พรุ่งนี้จะโทร.มาถามประสงค์อีกที แต่คืนนั้นได้ตกลงใจแล้ว เพราะยังไงท่านก็เป็นนายผมอยู่ตลอด ทั้งเลขาธิการนายกฯ และเลขาธิการ สมช. ถ้าเราปฏิเสธไปก็ไม่ควรเป็นเลขาฯสมช.” ..ประสงค์ ระบุ และว่า บ้านเมืองตอนนั้นเป็นช่วงวิกฤติ ทั้งภายในและภายนอกประเทศ ปัญหาความไม่สงบชายแดนภาคใต้ ปัญหาความยากจน ปัญหาคอมมิวนิสต์ การทุจริตคอร์รัปชัน ปัญหามีพร้อม ก่อนที่ท่านขึ้นมาเป็นนายกฯ ต้องเดินทางไปทั่วประเทศ ทุกจังหวัด ทุกอำเภอเพื่อแก้ปัญหาที่ต้องแก้ให้ทันเหตุการณ์ จึงเป็นงานหนักมากในการรับแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองโดยเฉพาะความยากจน


“ท่านได้รับตำแหน่งรัฐบุรุษซึ่งไม่มีนักการเมืองคนอื่นเคยได้รับการโปรดเกล้าฯพระราชทานตำแหน่งนี้จากพระเจ้าอยู่หัวมาก่อน ความหมายเพื่อความเข้าใจ ตำแหน่งข้าราชการการเมือง คือ นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ที่คิดถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป แต่รัฐบุรุษ คือ คนที่คิดถึงคนรุ่นต่อไป.. ประสงค์ กล่าวและว่า

พล..เปรม ทำงานการเมือง 8 ปี 5 เดือน แต่ได้รับตำแหน่งรัฐบุรุษเพราะเป็นบุคคลที่คิดถึงคนรุ่นต่อไปว่า จะอยู่ในบ้านนี้แผ่นดินนี้อย่างไร บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวมีกิน หนี้สินไม่มี 3 อย่างนี้เป็นยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศจนถึงปัจจุบัน ขอแค่ 3 อย่าง บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวมีกิน หนี้สินไม่มี ถ้ารัฐบาลใหม่เอา 3 อย่างนี้ไปทำให้ได้ แล้วหายุทธวิธีในการจัดการและจัดลำดับการแก้ไขปัญหาให้ถูกต้อง

..ประสงค์ กล่าวอีกว่า พล..เปรม เป็นคนซื่อสัตย์สุจริต ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต คิดถึงประชาชนเป็นหลักในการแก้ไขปัญหา เรื่องของความซื่อสัตย์สุจริต เอาคอผมเป็นประกันได้ และผมก็ได้แบบอย่างที่ดีมาใช้ในการทำงานเพื่อบ้านเมือง

 

ถอดโมเดล ‘ป๋าเปรม’  ต้นแบบแก้ปัญหาประเทศ

 

 

การทำงานกับข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม เหมือนเป็นเพื่อนกัน ท่านรับฟังความคิดเห็นของข้าราชการโดยให้เลขาธิการนายกฯ คือ ตัวผม มีหน้าที่ประสานกับทุกกระทรวง มีปัญหาอะไรที่จะต้องจัดการแก้ไข เรื่องไหน เพราะอะไร ติดขัดอะไร ทำหน้าที่ประสานมาตลอด ยอมรับว่า เหนื่อยมาก แต่ได้ผู้บังคับบัญชาที่แก้ปัญหาให้บ้านเมืองได้ดีจริงๆ โดยเฉพาะปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เคยสงบ สมัย พล..เปรม ตอนนั้นมี 5 จังหวัด คือ จังหวัดสตูล สงขลา ยะลา นราธิวาส และปัตตานี ตอนนี้เหลือ 3 จังหวัดที่มีปัญหา

..ประสงค์ เล่าวิธีการแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า จากการศึกษาพื้นที่และความต้องการของประชาชนทั้งหมดมาวิเคราะห์สรุปได้ความว่า การประสานงานของฝ่ายราชการใน 5 จังหวัดกับประชาชนตอนนั้นไม่มีเลย หน่วยงานราชการไม่รับฟังความคิดเห็นของประชาชน ส่วนราชการต่างรายงานผลงานของตัวเอง โต๊ะอีหม่ามไม่มีใครใส่ใจ หลังจากที่ศึกษาได้เรื่องอย่างนี้แล้วจึงเสนอ พล..เปรม ขอแก้ไขปัญหาทั้งหมดทำให้ส่วนราชการเข้าถึงประชาชนเพื่อแก้ปัญหาความสงบเรียบร้อยใน 5 จังหวัด ท่านก็อนุมัติและให้ตั้ง ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้” (ศอ.บต.) ทำหน้าที่เหมือนรัฐบาลกลางของกรุงเทพฯ ไปตั้งที่นั่น รายงานตรงกับเลขาธิการนายกฯ เพื่อรายงานมาถึงรัฐบาล

นำตัวแทนแต่ละกระทรวง แต่ละจังหวัดเข้ามาประชุม ผมนั่งหัวโต๊ะ มีชาวบ้าน โต๊ะอิหม่าม มาร่วมแก้ปัญหา แม่ทัพภาค 4 นั่งกับผมเพราะเป็นเจ้าของพื้นที่ แล้วให้ตัวแทนภาคประชาชนทุกกลุ่มขึ้นพูดว่า มีปัญหาอะไร พอเขาพูดจบผมจะชี้ไปที่จังหวัดนี้ อำเภอนี้ว่า รู้ปัญหานี้มาก่อน เคยทำ หรือเคยแก้ไหม แล้วอีก 2 สัปดาห์จะกลับมาตามเรื่องนี้ จะต้องแก้ปัญหาข้าราชการต้องชี้แจงซึ่งป๋ามอบอำนาจให้ผมไปทำงานแต่ผมไม่ได้แสดงอำนาจ ผมเคารพนับถือเขา เจ้ากระทรวงมีอะไรก็ไปหาเขา ผมไม่ได้เรียก เพราะผมเป็นผู้น้อยกว่าเขา ปฏิบัติอย่างนี้จึงไม่มีใครเกลียดชังเขา ปัญหาภาคใต้สมัยป๋าเปรมลดระดับดีกรีจนเกิดความสงบเรียบร้อยขึ้นมาได้

นอกจากนี้ยุคป๋าเปรมเป็นนายกฯนั้น สหรัฐอเมริกาเข้ามาในประเทศไทย และสร้างในบ้านเราหลายต่อหลายอย่าง อาทิ สนามบิน เส้นทาง โดยเฉพาะสายมิตรภาพไปอีสาน สหรัฐฯ ส่งทหารมาช่วยเรารบ ระหว่างสหรัฐฯ และจีน ตอนนั้นประเทศไทยระวังตัวไม่ให้ลำเอียงเป็นฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด แม้จีนเป็นคอมมิวนิสต์ก็จริงแต่เราก็ต้องประสาน

ด้านนายประพันธุ์ ตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งที่ประเทศไทยขาดมากที่สุด คือ เราไม่มีผู้นำประเทศที่แท้จริง พล..เปรม เป็นตัวอย่างหนึ่งของบุคคลที่ควรจะเป็นผู้นำที่มีในประเทศไทย ถ้าประเทศไทยไม่มีพล..เปรม เราจะไม่มีโอกาสเจริญเหมือนอย่างทุกวันนี้

 

ถอดโมเดล ‘ป๋าเปรม’  ต้นแบบแก้ปัญหาประเทศ

 

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาเป็นวันครบรอบ 70 ปีของจีน ซึ่งมีปัจจัยเดียวที่ทำให้เจริญ คือ เขามีผู้นำที่เก่งและซื่อสัตย์ มีพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่รวมอุดมการณ์คนที่ทำเพื่อชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง จีนเจริญกว่าประเทศไทยแล้ว ประเทศเราจะก้าวหน้าต่อไปจะต้องมีคนแบบ พล..เปรม จะต้องมีวีรบุรุษเกิดขึ้นมาอีกคนเท่านั้นจึงจะมีโอกาสที่จะพัฒนาไปได้

 

พล..เปรมไม่ได้มาจากตำแหน่งนายกฯ ที่มาจากการปฏิวัติรัฐประหาร เป็นนายกฯที่คนและทุกพรรคการเมืองให้การยอมรับ สนับสนุนให้ท่านเป็นนายกฯ โดยที่ไม่ต้องไปตั้งพรรคการเมืองเองโดยที่รัฐธรรมนูญเปิดทางให้ และรัฐธรรมนูญฉบับนั้นท่านก็ไม่ได้ร่างเองด้วย

ในวาระสุดท้ายก่อนถึงอสัญกรรมตอนที่ได้ไปพบท่าน ท่านมีความกังวลใจอยู่เรื่องหนึ่งเพราะคนเข้าใจว่าป๋าอยู่เบื้องหลังการปฏิวัติรัฐประหารแต่ความจริงไม่เคยสนับสนุนการปฏิวัติรัฐประหารแม้แต่ครั้งเดียว

“พล..เปรม เป็นผู้นำและทหารคนเดียวที่ควรเป็นรัฐบุรุษ คนไทยควรอ่านหนังสือเล่มนี้ เมื่อท่านมีคำถามว่า ประเทศไทยควรมีผู้นำอย่างไรจึงจะทำให้ประเทศเจริญ หนังสือเล่มนี้มีคำตอบครับ

ด้าน นายเกษมสันต์ ระบุว่า ภูมิใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการจัดพิมพ์หนังสือเล่มนี้แม้โตไม่ทันท่านแต่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ทุกหน้า อ่านระหว่างบรรทัด พบว่า ท่านมีจุดที่น่าเคารพ เพราะสภาพประเทศไทยในวันที่รับตำแหน่งมีความวุ่นวาย เศรษฐกิจยับเยิน คนอดอยาก ค้าขายขาดดุลและปัญหาคอมมิวนิสต์แต่ประสบการณ์ทหารบ้านนอกของท่านติดตัว ท่านแก้ความยากจนด้วยใช้การเมืองนำการทหาร เอาความสงบ เอาภาพความซื่อสัตย์ติดตัวท่านมาแก้ปัญหา

ปัจจัยที่ทำให้ท่านเป็นรัฐบุรุษ คือ การเลือกใช้คน ผมคิดว่า ท่านเป็นประเภทดูคนออก บอกคนได้ ใช้คนเป็น เมื่อรู้ว่าใช้แล้วโกงก็ปลดออกหรือบีบให้ออก ท่านกล้าใช้คนเก่งกว่าท่านใน เรื่องที่ท่านไม่เก่ง เป็นคนใจกว้าง  ต่างจากนายกฯหลายคน ใจไม่กว้างที่นำคนเก่งกว่ามาใช้งาน อย่างเช่น การลดค่าเงินบาท 2 ครั้ง เป็นการใช้คนเก่งกว่า แต่ท่านฟังคนเหล่านี้ทั้งเรื่องการเปลี่ยนระบบอัตราแลกเปลี่ยน โครงการใหม่ อุตสาหกรรมหนักเกิดขึ้น ตั้งกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ นำเอกชนมาช่วยร่วมแก้ไขปัญหา การต่างประเทศใช้นายทหารเกษียณมาคานอำนาจ ใช้คนเก่ง เกิดวิสัยทัศน์และฟังคนเหล่านั้น นำไปคิดแล้วตกผลึกเป็นคนฟังคนที่สุดยอดมากและท่านเป็นนักสื่อสารชั้นเซียน พูดสั้นแต่ได้ใจความ

 

หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,512 วันที่ 10-12 ตุลาคม 2562

ถอดโมเดล ‘ป๋าเปรม’  ต้นแบบแก้ปัญหาประเทศ