‘แอนนาแคลน’ รุกแดนมังกรชูอินโนเวชันต่อยอดตลาดความงาม

12 ต.ค. 2562 | 10:11 น.

“แอนนา เบลล่า” ปรับแผนส่งแบรนด์ “แอนนาแคลน” สยายปีกจีน ชูนวัตกรรมยกเครื่องแบรนด์สู่ตลาดกลาง-บนเพิ่มโอกาสทางการขายมากขึ้น วางเป้าสิ้นปีโกย 300 ล้านบาท

นายรณกร แซ่ลี้ ผู้จัดการและผู้บริหาร บริษัท แอนนา เบลล่า จำกัด และบริษัท แอนนาแคลน กรุ๊ป จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและความงาม “แอนนาแคลน” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า หลังจากช่วงที่ผ่านมาบริษัทเปิดตัวสินค้าในเครือด้วยการเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าชาวจีนที่มาท่องเที่ยวในไทยเป็นหลัก จนได้รับกระแสตอบรับและประสบผลสำเร็จเป็นอย่างสูง จากตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเมืองไทยค่อนข้างมากในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา แต่ทว่าระยะหลังเริ่มมีสัญญาณของตลาดดังกล่าวที่น้อยลงไป บริษัท จึงได้มีการปรับแผนในการทำตลาด ด้วยการเริ่มขยายตลาดเชิงรุกในการนำผลิตภัณฑ์เข้าไปจำหน่ายในประเทศจีนผ่านทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์มากขึ้น

สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจนับจากในจีนนี้ จะสร้างแบรนด์แอนนาแคลน (AnnaClan) เป็นเรือธงในการนำสินค้ากลุ่มมาส์กหน้าเข้าบุกตลาดประเทศจีนอย่างต่อเนื่อง หลังจากประสบความสำเร็จกับยอดขายในแบรนด์แอนนาเบลล่า (Anna Bella) มาก่อนหน้า โดยตลาดดังกล่าวนับว่ามีศักยภาพและมีประชากรที่เป็นเพศหญิงเกิน 60% ของประเทศที่ใช้มาสก์หน้าเป็นประจำ หรือจากภาพรวมตลาดสินค้าความงามในจีนมาจากผลิตภัณฑ์มาสก์หน้ามากกว่า 50% สะท้อนให้เห็นว่ามีขนาดค่อนข้างใหญ่ และยังมีช่องว่างให้เข้าไป หากสินค้าดีมีคุณภาพตอบโจทย์ผู้บริโภค

‘แอนนาแคลน’ รุกแดนมังกรชูอินโนเวชันต่อยอดตลาดความงาม

รณกร แซ่ลี้

“หลังจากช่วงที่ผ่านมาเราเข้าไปทำตลาดจีนอย่างจริงจังและสามารถสร้างยอดขายหลักมาจากออนไลน์ 70% ควบคู่ไปกับการจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรดในจีนมากถึง 1 หมื่นสาขา และตัวแทนจำหน่ายรวมกันอีก 30% ทำให้บริษัทมีแผนพัฒนาสินค้าในการเข้าทำตลาดอย่างต่อเนื่องในอนาคต ทั้งสินค้าในกลุ่มเซรั่มและโฟมล้างหน้า ซึ่งแน่นอนว่าการเข้าไปทำตลาดสินค้าในจีนต้องยอมรับว่าต้องมีการบริหารจัดการที่ดี การกระจายสินค้า รวมไปถึงการพัฒนาคุณภาพสินค้าที่ดีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากประเทศจีนมีผู้เล่นจำนวนมากและพร้อมที่จะมีสินค้าลอกเลียนแบบอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นนอกเหนือจากเรื่องของคุณภาพแล้วบริษัทยังชูจุดเด่นความเป็นแบรนด์ไทยที่คนจีนให้ความน่าเชื่อถือ และการ สร้างแบรนด์จากกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาในไทยก่อนจะขยาย การสร้างแบรนด์เข้าไปในตลาดจีนเพื่อเสริมแกร่งอย่างต่อเนื่อง”

นอกจากนี้ยังมีการปรับโพสิชันแบรนด์ของบริษัทเพื่อรองรับการแข่งขันในตลาดที่ค่อนข้างรุนแรงด้วยการจะเป็นการนำนำนวัตกรรมทางสินค้ามาเพิ่มมูลค่าทางด้านยอดขายมากขึ้น เน้นเจาะตลาดกลาง-บน โดยจะจำหน่าย 6 แผ่นในราคา 490 บาท เนื่องจากมีต้นทุนในการผลิตสินค้าเพิ่มมากกว่าเดิม จากการปรับสูตรและเพิ่มนวัตกรรมเข้าไป จากในช่วงที่ผ่านมาของแบรนด์แอนนาเบลล่านั้น จะเน้นจับกลุ่มผู้บริโภคระดับกลางเป็นหลัก หรือจำหน่าย 10 แผ่นในราคา 450 บาท

 

พร้อมกันนี้ยังได้เตรียมงบประมาณเพื่อสื่อสารทางด้านการตลาดอย่างครบวงจรและการพัฒนาเพื่อผลิตสินค้าใหม่ บริษัทเตรียมงบไว้ที่ 20-30 ล้านบาท ซึ่งยังได้มีการเปิดตัวพรีเซนเตอร์ “เซ้นต์-ศุภพงษ์ อุดมแก้วกาญจนา” ในการเป็นตัวแทนสื่อสารแก่ผู้บริโภคชาวไทยและจีนมากขึ้น รวมถึงยังต้องมีการปรับกลยุทธ์ทางการตลาดให้เหมาะสมกับตลาดความงามยุคใหม่มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของการนำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาสินค้า หรือแม้แต่การรับรู้แบรนด์สินค้าจากการไลฟ์สด สะท้อนให้เห็นถึงการทำตลาดแบบไร้พรมแดน และไม่ใช่มีเพียงแค่ช่องทางการจำหน่ายแต่ในโมเดิร์นเทรด แต่ยังมีทางเลือกอีกมากมายที่มีโอกาส

อย่างไรก็ตามบริษัทวางเป้าหมายยอดขายในปีหน้าไว้ที่ 300 ล้านบาท โดยยอดขายมาก กว่า 90% มาจากตลาดจีน ที่เหลืออีก 10% เป็นผู้บริโภคในประเทศไทย ทั้งนี้การเติบโตดังกล่าวเป็นผลมาจากการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ การทำตลาดเชิงรุก การเปิดตัวสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยในอนาคตบริษัทยังมีแผนที่จะสร้างโรงงานผลิตสินค้าแบรนด์ของตัวเองและรับจ้างผลิตเพื่อสร้างความครบวงจรในการเป็นผู้ดำเนินธุรกิจด้านสกินแคร์ 

หน้า 31 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3512 ระหว่างวันที่ 10-12 ตุลาคม 2562