WTO ไฟเขียวสหรัฐเก็บภาษีนำเข้ายุโรป ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 494.42 จุด 

03 ต.ค. 2562 | 00:31 น.

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดเมื่อคืนนี้ ( 2 ตุลาคม ) ร่วงลง 494.42 จุด   หรือ -1.86 % ยืนที่ 26,078.62 จุด ดัชนี S&P500 ลดลง 52.64 จุด หรือ - 1.79% ปิดที่ 2,887.61 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 123.44 จุด หรือ -1.56 % ปิดที่ 7,785.25 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงเกือบ 500 จุด ก่อนปิดร่วงลง 494.42 จุด โดยหุ้นกลุ่มพลังงานและเทคโนโลยีดิ่งลงนำตลาด นักลงทุนกังวลการทำสงครามการค้าครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐและยุโรป ขณะที่การเจรจาการค้ากับจีนยังไม่ได้ข้อสรุป  นอกจากนี้ยังมีวิตกกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ

โดยนางเซซิเลีย มัลสตรอม ประธานคณะกรรมาธิการการค้าของสหภาพยุโรป (EU) กล่าวว่า EU พร้อมจะตอบโต้สหรัฐ หากสหรัฐเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากยุโรปตามคำตัดสินขององค์การการค้าโลก (WTO)

นางมัลสตรอมยังเตือนว่า การดำเนินมาตรการตอบโต้กันระหว่าง EU และสหรัฐ จะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจและประชาชนจากทั้งสองฝ่าย ขณะที่ EU และสหรัฐต่างมีความผิดเหมือนกันจากการที่ EU อุดหนุนแอร์บัส และสหรัฐอุดหนุนโบอิ้ง

ทั้งนี้ WTO มีคำตัดสินในวันนี้ให้ความเห็นชอบต่อข้อเรียกร้องของสหรัฐในการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากยุโรปวงเงิน 7.5 พันล้านดอลลาร์ โดยWHO ระบุว่า EU ได้ปฏิเสธที่จะดำเนินการเพื่อลดผลกระทบจากมาตรการให้การอุดหนุนแอร์บัส หรือยกเลิกมาตรการดังกล่าว ซึ่งได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผลประโยชน์ของสหรัฐ โดยทำให้ยอดขายของเครื่องบินขนาดใหญ่ของสหรัฐทรุดตัวลงอย่างมาก

รัฐบาลสหรัฐได้เริ่มยื่นเรื่องร้องเรียนดังกล่าวต่อ WTO ในปี 2547 เกี่ยวกับการที่รัฐบาลยุโรปให้การอุดหนุนที่ไม่เป็นธรรมต่อการผลิตเครื่องบินแอร์บัส A350 และ A380

นอกจากนี้ภาคธุรกิจยังวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลให้คำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกหดตัวลงตั้งแต่เดือนกรกฏาคม ขณะที่การบริโภค คำสั่งซื้อใหม่ สต็อกสินค้าคงคลังเพื่อการส่งออกและนำเข้าหดตัวลงเช่นกัน 

ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐในเดือนกันยายนดิ่งลงสู่ระดับ 47.8 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2552 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 50.2 จากระดับ 49.1 ในเดือนสิงหาคม

ดัชนียังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ และเป็นการหดตัวเป็นเดือนที่ 2