กรุงศรีปักหมุด ต้นปี63พร้อมลุยฟิลิปปินส์

05 ต.ค. 2562 | 08:35 น.

สัมภาษณ์

หลังจากธนาคารกรุงศรี อยุธยา ได้เข้าซื้อหุ้น 50% ของหุ้นที่ออกและชำระแล้วในบริษัท เอสบี ไฟแนนซ์ คอมปานี อิงค์ (SB Finance Company, Inc. หรือ SBF) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทไฟแนนซ์ของประเทศฟิลิปปินส์ที่มีการเติบโตสูงจากซีเคียวริตี้ แบงก์ คอร์ปอเรชั่น (Security Bank Corporation)หรือ SBC โดยมูลค่าการลงทุนเบื้องต้น 1,828.2 ล้านเปโซฟิลิปปินส์ หรือประมาณ 1,096.9 ล้านบาท

 นายฐากร ปิยะพันธ์ ประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์และผู้บริหารสายงานดิจิทัลแบงกิ้งและนวัตกรรม ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ซึ่งจะเข้าไปช่วยดูแลบริษัทร่วมทุนที่ฟิลิปปินส์ได้เล่าความคืบหน้าให้ฐานเศรษฐกิจฟังว่า ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ถือหุ้นในสัดส่วนเท่ากันกับ SBF ในอัตรา 50% ถือเป็นการร่วมทุน (Joint Venture) ซึ่งมิตซูบิชิ ยูเอฟเจ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป (MUFG) ถือหุ้นในสัดส่วนราว 20% ในซีเคียวริตี้ แบงก์ คอร์ปอเรชั่น โดยมี SBF เป็น Subsidiary

 

กรุงศรีปักหมุด  ต้นปี63พร้อมลุยฟิลิปปินส์

ฐากร ปิยะพันธ์

 

ทั้งนี้กรุงศรี คอนซูมเมอร์ จะทำหน้าที่ในการบริหารจัดการในบริษัทร่วมทุน และทาง SBF จะทำหน้าที่ศึกษาและวิเคราะห์ตลาด เพราะมีความเชี่ยวชาญจากการเป็นบริษัทท้องถิ่นในฟิลิปปินส์ โดยในวันที่ 13 ตุลาคม 2562 นี้ จะมีการประชุมวางแผนดำเนินธุรกิจร่วมกัน ซึ่งจะเป็นแผนธุรกิจระยะ 3 ปี โดยเบื้องต้นจะมีการปรับกลยุทธ์ใน 3 เรื่องหลักด้วยกันคือ      

1.ลูกค้า จะมีการแบ่งลูกค้าเป็นเซ็กเมนต์ เนื่องจากฟิลิปปินส์ไม่ได้แบ่งลูกค้าเหมือนประเทศไทยที่มีลูกค้ากลุ่มต่างๆ เช่น กลุ่มมนุษย์เงินเดือน กลุ่มอาชีพอิสระ เจ้าของกิจการ จึงจะมีการศึกษาและดูลูกค้าเป็นเซ็กเมนต์มากขึ้น 2.ช่องทางที่จะเข้าถึงลูกค้า ซึ่งจากเดิมจะเป็นลักษณะเข้าถึงลูกค้าโดยตรง หรือ DirectSale อาจจะดูช่องทางอื่นเพิ่มเติม เช่น ดิจิทัล และ 3.ผลิตภัณฑ์ จะเริ่มจากสินเชื่อส่วนบุคคล(Personal Loan) เนื่องจากเดิมจะมีแต่ผลิตภัณฑ์ธุรกรรมการเงิน เช่น รับฝากเงิน 

นอกจากนั้นจะต้องมีการสร้างรากฐานทั้งในส่วนของระบบ ความเสี่ยง และทีมงาน แม้ว่าโครงสร้างพื้นฐานเดิมจะแข็งแรงอยู่แล้ว แต่จะต้องสร้างให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยจะนำโมเดลธุรกิจที่มีในไทยไปปรับใช้ในฟิลลิปปินส์บางส่วนและจะรุกในด้านดิจิทัลมากขึ้น โดยคาดว่าภายในต้นปี 2563 จะพร้อมดำเนินธุรกิจได้เต็มรูปแบบหลังปรับกระบวนและกลยุทธ์ต่างๆ เสร็จแล้ว

ต้นทุนการเงินของฟิลิปปินส์สูงกว่าบ้านเรา หากเราไม่สามารถควบคุมความเสี่ยง และดอกเบี้ยไม่ดี อัตราการทำกำไรก็คงไม่ได้ ดังนั้น การทำตลาดจะต้องศึกษาทั้งสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจ และพฤติกรรมด้วย ซึ่งในวันที่ 13 ตุลาคมนี้จะมีการวางแผนร่วมกัน โดยเราจะใช้เวลาในช่วง 3 เดือนที่เหลือปรับกลยุทธ์ต่างๆ และพร้อมลุยธุรกิจในฟิลิปปินส์ในต้นปี 2563 ทันที    

นายฐากรยังเล่าถึงแผนธุรกิจในต่างประเทศของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ว่า  ขณะนี้จะแบ่งทีมงานออกเป็น 2 ทีม คือ ทีมที่ดูโอกาสทางธุรกิจในประเทศอื่นๆ และอีกทีมจะเป็นทีมปฏิบัติการ(Implement) เช่น ธุรกิจในกัมพูชา มีแผนจะเพิ่มธุรกรรมสินเชื่อผ่อนชำระ(กรุงศรีเฟิร์สช้อยส์)และสินเชื่อส่วนบุคคลเข้าไป จากเดิมที่ Hattha Kaksekar Limited (HKL) จะมีเพียงธุรกิจไมโครไฟแนนซ์ โดยจะเห็นว่า ผลการดำเนินงานในกัมพูชาทำกำไรได้ค่อนข้างดี   

 

ขณะที่ธุรกิจในสปป.ลาว ธนาคารยังไม่มีแผนเพิ่มธุรกิจใหม่ๆ เพราะมีธุรกิจทางการเงินค่อนข้างครบหมดแล้ว ทั้งธุรกิจเช่าซื้อ ธุรกิจบัตรเครดิต ธุรกิจสินเชื่อบุคคล ประกอบกับเป็นตลาดที่ไม่ได้ใหญ่มาก        

ส่วนในประเทศเวียดนาม ธนาคารยังดูโอกาสและจังหวะที่จะเข้าไปทำธุรกิจ แต่จะเป็นในลักษณะการเข้าซื้อกิจการ(Take Over) การร่วมทุน (Joint venture) หรือการเป็นพันธมิตร (Partner) เนื่องจากการแข่งขันในเวียดนามค่อนข้างรุนแรงและมีสถาบันการเงินจำนวนมาก ประกอบกับการให้ใบอนุญาต (License) ของทางการเวียดนามค่อนข้างจำกัด ดังนั้น การเข้าไปทำธุรกิจในเวียดนามจะเข้าไปแบบเดี่ยวๆ และตั้งใหม่จึงไม่เหมาะสม และหากเข้าไปจะเน้นในเรื่องของดิจิทัลและระบบการชำระเงิน (Payment) เป็นหลัก

นอกจากนั้น ภายในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ ธนาคารจะมีการประกาศความร่วมมือกับพันธมิตร เป็นดีลภายในประเทศ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการพูดคุยและเจรจาในข้อตกลงกันอยู่ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้

 

หน้า 19-20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,510 วันที่ 3-5 ตุลาคม 2562

กรุงศรีปักหมุด  ต้นปี63พร้อมลุยฟิลิปปินส์