ผ่าแผนดีไซน์ ‘แอสตัน มาร์ติน’ 7Years 7 Products
เมื่อเร็วๆนี้ แอสตัน มาร์ติน แบงคอก ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ แอสตัน มาร์ติน อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ภายใต้กลุ่มบริษัท มาสเตอร์ กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด หรือ เอ็มจีซี-เอเชีย ได้เปิดบ้านสาขาสยามพารากอนเพื่อจัดกิจกรรม “Design Masterclass by Marek Reichman”
กิจกรรมดังกล่าวได้พาผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสวยงามของรถแอสตัน มาร์ติน หลายรุ่นไม่ว่าจะเป็น V12 Vantage S, Vanquish Volante, Rapide S,DB11, New Vantage,DBS superleggera, Aston Martin Vulcan ไฮเปอร์คาร์ และ DBX อย่างมิสเตอร์ มาเร็ค ไรค์แมน รองประธานบริหาร และ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายครีเอทีฟ แอสตัน มาร์ติน ลากอนดา มาร่วมบอกเล่าประสบการณ์การออกแบบ การถ่ายทอดแรงบันดาลใจ พร้อมทั้งบอกเล่าถึงดีไซน์ของรถรุ่นใหม่ๆที่จะเห็นต่อไปในอนาคต
มาเร็ค ไรค์แมน
สิ่งที่ยากที่สุดในการออกแบบรถ
ช่วงแรกของการดีไซน์ และช่วงสุดท้ายที่จะต้องทำรถให้เพอร์เฟกต์ที่สุดก่อนที่รถยนต์หนึ่งรุ่นจะถึงมือลูกค้า นั่นคือสิ่งที่ยากที่สุดในการทำรถสักคัน ส่วนรุ่นที่ใช้เวลาออกแบบนานที่สุดคือ DB และรุ่นที่ชื่นชอบที่สุดคือ DB 11
นโยบาย 7 ปี 7 โมเดล
ภายใต้นโยบาย “7 Years 7 Products” ของแอสตัน มาร์ติน มีเป้าหมายการดีไซน์ที่จะมุ่งสู่ Beautiful To Drive ทั้งภายใน-ภายนอก ความมีคาแรกเตอร์ของรถแต่ละรุ่นที่ชัดเจน ยกตัวอย่าง DB 11 เป็นรถที่ขับขี่สะดวกสบาย, Vantage จะเพิ่มความดุดัน สปอร์ต, DBS superleggera เป็นรุ่นที่ผสมผสานการขับขี่สบายจาก DB 11 แต่สมรรถนะความเร็วสูง
DBX ที่จะเปิดตัวกับตลาดโลกในเดือนธันวาคมนี้ ถือเป็นรถแห่งอนาคตของแอสตัน มาร์ติน และเป็นรุ่นแรกที่เป็นเอสยูวีโดยในประเทศ ไทยคาดว่าจะได้เห็นรถรุ่นนี้ในงานมอเตอร์โชว์ 2020 ส่วนในรุ่น Vanquish จะมีโมเดลใหม่ที่คาดว่าจะเห็นในงาน เจนีวา มอเตอร์โชว์ปีหน้า ขณะที่รถยนต์ไฟฟ้า Lagonda ที่เพิ่งเปิดตัวในรูปแบบคอนเซ็ปต์คาร์ จะเป็นรถที่มีความหรูหราเป็นลักชัวรีคาร์ที่จะใส่เทคโนโลยีต่างๆลงไป
ความท้าทายในการออกแบบรถSUV
เราเคยทำงานให้แลนด์โรเวอร์ ดังนั้นการออก แบบรถอเนกประสงค์รุ่นแรกของแอสตัน มาร์ติน DBX นั้นไม่ยาก แต่มีโจทย์ว่าทำอย่างไรให้ออกแบบมาเป็นแพลตฟอร์มของแอสตัน มาร์ติน มีความสมบูรณ์แบบทั้งเรื่อง สมรรถนะ ดีไซน์ ความสวยงามในสไตล์ของเรา ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาทีมดีไซน์มีการทำงานกันอย่างหนัก เช่นเดียวกับการทดสอบด้านสมรรถนะต่างๆ รวมไปถึงดูแบรนด์อื่นด้วยว่ามีการพัฒนาอย่างไร เพราะเราถือว่ามาทีหลัง
ขณะที่แชสซีส์ ที่ออกแบบก็จะมีผลต่อสมรรถนะ และการวางเครื่องยนต์ รวมไปถึงระบบต่างๆที่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้ DBX โดดเด่นเหนือกว่ารุ่นอื่นๆและเรามั่นใจว่า DBX จะเป็นรถอเนกประสงค์ที่มีความสวยงาม
สำหรับ DBX จะผลิตจากโรงงานที่แยกออกมาจากโรงอื่น และมีกำลังการผลิต 7,000 คันต่อปี ตลาดหลักจะเป็นอเมริกาและเอเชีย โดยเฉพาะในอาเซียนที่มีสภาพถนนที่แตกต่างกันน่าจะมีความต้องการรถประเภทเอสยูวีสูง
หน้า 28-29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,510 วันที่ 3 - 5 ตุลาคม พ.ศ. 2562