สกายเวลล์’สบช่องภาษี 0% ส่ง EV จีนเจาะตลาดไทย

03 ต.ค. 2562 | 07:30 น.

อานิสงส์เอฟทีเอไทย-จีน หนุนแบรนด์จากแดนมังกรส่งรถยนต์ไฟฟ้าบุกไทย “สกายเวลล์” เผยนำเข้ารถเพื่อการพาณิชย์ 4 รุ่น เจาะกลุ่มฟลีต พร้อมเสนอบีโอไอ ขอผลิตแบตเตอรี่และประกอบในประเทศ มั่นใจทำตลาดปีแรกโกยยอดขายกว่า 7,500 คัน

ผลจากข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน FTA ไทย- จีน ทำให้รถยนต์นั่งไฟฟ้าจากจีนเสียภาษีนำเข้าเป็น 0% จากข้อตกลงดังกล่าวทำให้ค่ายรถที่มีฐานผลิตอยู่ทั้งไทยและจีน รวมไปถึงผู้นำเข้ารายอื่นๆเล็งเห็นโอกาสทางการตลาด และตัดสินใจนำรถเข้ามาจำหน่ายในไทย อาทิ บีวายดี โดย บริษัท ไรเซน เอนเนอร์จี จำกัด ทำตลาดผ่านรุ่น อี 6 เจาะกลุ่มแท็กซี่ ,รถสาธารณะ และค่ายเอ็มจี ที่นำรถอเนกประสงค์ในรุ่น แซดเอส อีวี มาเปิดราคาดี 1.190 ล้านบาท สร้างยอดจองทะลุไปกว่า 1,600 คันในระยะเวลา 2-3 เดือน

ล่าสุดค่ายน้องใหม่ถอดด้ามจากจีน“สกายเวลล์” ก็ประกาศแผนบุกตลาดรถยนต์ในประเทศไทย โดยได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ที่ประเทศจีน ด้วยงบประมาณจำนวนกว่า 3,000 ล้านบาท และทำตลาดผ่านรถยนต์ไฟฟ้า 4 รุ่นที่นำเข้ามาจากจีนได้แก่ เดโชะ, รุ่นโซได,รุ่นแพนได และ โยชิ

สำหรับรถทั้ง 4 รุ่น ประกอบไปด้วย เดโชะ (DAESHO) รถตู้อเนกประสงค์ รองรับผู้โดยสาร 5-7 ที่นั่ง ทำความเร็วสูงสุด 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จไฟฟ้า 30 นาที หรือชาร์จทั่วไป 15 ชั่วโมง ตามกำลังประจุไฟ เหมาะกับเป็นรถบ้านหรือรถโดยสารขนาดเล็ก สนนราคา 7.89 แสนบาท

สกายเวลล์’สบช่องภาษี 0% ส่ง EV จีนเจาะตลาดไทย

 

โซได (SHODAI) รถตู้อเนกประสงค์ รองรับผู้โดยสาร 7-11 ที่นั่ง ทำความเร็วสูงสุด 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จไฟฟ้า 2-18 ชม. ตามกำลังประจุไฟราคาเริ่มต้น2.3ล้านบาท

แพนได (PANDAI) รถโค้ชหรือรถบัส รองรับได้ 21 ที่นั่ง ทำความเร็วสูงสุดได้ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จไฟใช้เวลาเพียง 1.30-2 ชั่วโมงตามกำลังไฟ เหมาะสำหรับเป็นรถโดยสาร ราคาเริ่มต้น 2.5 ล้านบาท

โยชิ (YOSHI) รถบรรทุก 6 ล้อ รถบรรทุกขนาดกลางที่มาพร้อมตู้คาร์โก้ ขนาดความยาว 4,100 มิลลิเมตร ทำความเร็วสูงสุด 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แบตเตอรี่เป็นแบบลิเทียม ค่ากำลังสูงสูดของมอเตอร์ 85 กิโลวัตต์ เหมาะกับการลงทุนสำหรับภาคธุรกิจขนส่งราคาเริ่มต้น1.4 ล้านบาท

“การเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าของ สกายเวลล์ ประเทศไทย จะมีส่วนส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาทางด้านยานยนต์ของไทย ในฐานะฐานการผลิตที่สำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ของภูมิภาคนี้ อีกทั้งยังทำให้คนไทยได้เลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่ราคาคุ้มค่า” นายสิทธิพร รัตโนภาส อดีตผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และประธานที่ปรึกษาโครงการ สกายเวลล์ กล่าว

สำหรับการทำตลาดของสกายเวลล์ ประเทศไทย จะจัดกิจกรรมเพื่อแนะนำแบรนด์ และรถให้กับลูกค้า รวมไปถึงให้ทดลองขับ ,ขนส่งสิ่งของ พร้อมทั้งสร้างความมั่นใจด้วยการรับประกันตัวรถ 2 ปี ,มอเตอร์ 5 ปีไม่จำกัดระยะทาง ,แบตเตอรี 9 ปี 3 แสนกิโลเมตร ขณะเดียวกันเตรียมเพิ่มพันธมิตรตัวแทนขาย โดยตั้งเป้า 3 ราย และอนาคตจะมีการทำลีสซิ่งเอง จากปัจจุบันที่มี 2 รายที่ให้การสนับสนุน แบ่งเป็นสถาบันการเงินไทย 1 แห่ง และ จีน 1 แห่ง

นอกจากนั้นแล้วยังจับมือกับสมาร์ท สเตชัน ที่เป็นสถานีบริการรูปแบบใหม่ ตั้งอยู่ย่านพระราม 9 และอยู่ในระหว่างการก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ โดยสมาร์ท สเตชัน ชูความครบวงจรทั้งจุดชาร์จไฟฟ้า ,ศูนย์อาหาร, ร้านค้า, ควิกเซอร์วิส รวมถึงพัฒนาแอพพลิเคชัน ซึ่งลูกค้าที่เป็นเจ้าของรถสกายเวลล์ สามารถตรวจสอบว่าจะมีจุดบริการตั้งอยู่ตรงไหน และมีคิวในการชาร์จไฟอยู่หรือไม่ รวมไปถึงได้อัตราการชาร์จไฟที่ถูกกว่าการชาร์จจากจุดอื่น และยังใช้บริการต่างๆภายในสมาร์ทสเตชันได้ในราคาพิเศษ

 

“รถไฟฟ้าของเราเจาะกลุ่มลูกค้าฟลีต 100 % ทั้งกลุ่มเถ้าแก่, เจ้าของกิจการ, สหกรณ์แท็กซี่, กลุ่มขนส่งทั้งรายใหญ่และรายย่อย ส่วนรุ่นที่คาดว่าจะได้รับความนิยมและเน้นทำตลาดหลักๆ ได้แก่ เดโชะ ที่เจาะกลุ่มแท็กซี่ โดยเราจะเริ่มส่งมอบรถได้ต้นปีหน้าและเราตั้งเป้าหมายว่าจะมียอดขายประมาณ 5,000 คันในปี 2563 และอีกรุ่นคือบัส แพนได ที่คาดว่าจะทำยอดขายได้ประมาณ 1,500-2,500 คัน เบ็ดเสร็จรวมๆแล้วในปีหน้าเราจะมียอดขายรวมประมาณ 7,500 คันหรือมากกว่านั้นหากรวมอีก 2รุ่น”นายปริญญ์ เสถียรปกิรณกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการตลาด บริษัท สกายเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัดกล่าว

เป้าหมายที่วางไว้จะทำได้หรือไม่นั้น ก็คงต้องรอดูกันต่อไป แต่สกายเวลล์ ยังได้เปิดแผนหลังจากนี้ว่า ในอนาคตมีแผนที่จะประกอบรถทั้ง 4 รุ่นนี้ในประเทศไทย รวมไปถึงการสร้างโรงงานแบตเตอรี และผลิตอะไหล่

“เรามีแผนเข้าพบบีโอไอเพื่อขอรับการส่งเสริมเกี่ยวกับการลงทุนโรงงานแบตเตอรี่และการประกอบรถอีวี เพราะเรามองว่าไทยควรจะผลิตอะไรที่เป็นคอร์ เทคโนโลยี ประกอบกับในอนาคตเราอยากป้อนแบตเตอรี่ให้กับรถที่เราขายอยู่ สามารถที่จะถอดเปลี่ยนชุดแบตเตอรี่ได้เลย รวมไปถึงเราจะมีแผนงานรับซื้อรถคืน เฉพาะในรุ่นเดโชะ แต่หากเป็นบัสแพนไดจะรับซื้อคืนแบตเตอรี เพราะเราเชื่อว่าลูกค้าที่จะซื้อรถมีความกังวลใจว่าราคารถจะดีไหม จะขายต่อได้หรือไม่ ดังนั้นเราจึงคิดแผนนี้ขึ้นมา” นายปริญญ์ กล่าวทิ้งท้าย 

 

หน้า 28-29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,510 วันที่ 3 - 5 ตุลาคม พ.ศ. 2562