ผู้ว่าธปท.ชี้ เก็งกำไรบาทลดลง
ธปท.ชี้ สัญญาณเก็งกำไรบาทลดลง หลังคุมบัญชี non-resident เผย 7 เดือนแรก ไทยเกินบัญชีเดินสะพัด 2 หมื่นล้านดอลลาร์
นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)ติดตามการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด โดยจะเห็นว่า เงินบาทเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเร็วและแข็งค่ากว่าคู่แข่ง แต่ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยเงินไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นและพันธบัตรค่อนข้างมากช่วงปลายไตรมาส 2 อย่างไรก็ตาม หลังมีมาตรการการลดยอดคงค้างบัญชีเงินฝากสกุลบาทของผู้มีถิ่นที่อยู่นอกประเทศ (non-resident : NR)จะเห็นว่า บัญชีหุ้นลดลงต่อเนื่อง สะท้อนตัวเลขเป็นเงินทุนไหลออกสุทธิมากกว่าไหลเข้าสุทธิ แต่ค่าเงินบาทยังได้รับผลจากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด โดย 7 เดือนแรกปีนี้ ไทยเกินดุลบัญชีเดินสะพัดประมาณ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นประเด็นหนึ่งที่สำคัญกดดันการแข็งค่าต่อเงินบาท เทียบกับประเทศคู่ค้าคู่แข่งหลายๆประเทศที่ขาดดุลบัญชีเดินสะพัด แม้ส่งออกไทยจะหดตัว แต่การนำเข้าก็ชะลอตัวด้วย จึงเป็นโอกาสสำคัญที่จะเร่งการลงทุนภายในประเทศ โดยเฉพาะนำเข้าเรื่องสินค้าทุนที่มีความซับซ้อนสูงหรือโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลทั้งหมดยังต้องนำเข้า
"การแข็งค่าของเงินบาท นอกจากปัจจัยเฉพาะของไทยเรื่องการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด จากรายได้จากการท่องเที่ยวที่เป็นบวก และเงินลงทุนโดยตรงของต่างชาติ(FDI)ยังมีรายการใหญ่ๆ ที่เข้ามา และส่วนใหญ่มาจากปัจจัยตลาดเงินตลาดทุนโลก และรวมถึงปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น นักลงทุนที่กังวลปัญหาภูมิรัฐศาสตร์"
ก่อนหน้าธนาคารกลางปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงติดลบมากขึ้น แต่เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในยุโรปกลับเพิ่มสูงขึ้นหรือค่าเงินบาทล่าสุดมีแนวโน้มอ่อนลงเมื่อเที่ยบดอลลาร์สหรัฐ ทั้งๆที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของไทยได้ปรับลดลงมาตามการลดลงของอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปก่อนหน้า โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 15 ปีอยู่ที่ 1.5% ยกเว้นพันธบัตรอายุต่ำกว่า 15 ปีอัตราผลตอบแทนจะต่ำกว่า 1.5% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับสหรัฐ
ต่อข้อถามถึงแนวโน้มต่อการเก็งกำไรค่าเงินนั้น ผู้ว่าการธปท.กล่าวว่า การเก็งกำไรมีแนวโน้มลดลง โดยสังเกตุได้จากเงินที่เข้ามาลงทุนตลาดตราสารหนี้ตลาดหุ้น เงินที่เข้ามาพักในช่วงสั้นๆลดลง และเมื่ออัตราดอกเบี้ยพันธบัตรลดต่ำลงใกล้เคียงระดับอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรสหรัฐ จึงต้องจับตาพลวัตรของตลาดเงินต่อว่า จะมีการเคลื่อนไหวอย่างไร
