สสว. จับมือ 8 มหาวิทยาลัยท้องถิ่น จัดตั้งศูนย์แห่งความเป็นเลิศ 8 แห่งครอบคลุม 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ มุ่งพัฒนาวิสาหกิจชุมชน ทั้งด้านเกษตร ธุรกิจชุมชนและสร้างเครือข่ายให้เข้มแข็ง ภายใต้โครงการส่งเสริมเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ปี 2562
นายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า สสว.ได้ดำเนินการร่วมกับ8 มหาวิทยาลัยท้องถิ่น ได้แก่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ มหาวิทยาลัยนเรศวร มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เพื่อจัดตั้งศูนย์แห่งความเป็นเลิศ หรือ Excellence Center จำนวน 8 แห่งใน 4 ภูมิภาคทั่วประเทศ
ทั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาส่งเสริมและยกระดับธุรกิจของวิสาหกิจชุมชนให้มีศักยภาพความพร้อมในการแข่งขัน พัฒนาเกษตรกรให้เป็นผู้ประกอบการ บนพื้นฐานแนวคิดในการเสริมสร้างภูมิปัญญาท้องถิ่น และกระบวนการเรียนรู้ของชุมชน พร้อมสนับสนุนการพัฒนาเครือข่ายและสร้างวิสาหกิจชุมชนให้เข้มแข็ง จากการมีส่วนร่วมของชุมชนในมิติต่างๆ เป็นการสร้างโอกาสและกระจายรายได้ให้ชุมชนฐานราก ซึ่งนอกจากทำให้ชุมชนเข้มแข็งสามารถพึ่งพาตนเองได้ ยังเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืนและมั่นคง
“สสว.มีเป้าหมายยกระดับองค์ความรู้ด้านธุรกิจให้กับผู้ประกอบการและวิสาหกิจชุมชนจำนวน 3,180 ราย พัฒนาศักยภาพผลิตภัณฑ์/สินค้าและขยายช่องทางการตลาดไม่น้อยกว่า 400 ราย เพิ่มศักยภาพเพื่อต่อยอดสินค้าและผลิตภัณฑ์ชุมชนหรือสร้างบริการใหม่ๆ ไม่น้อยกว่า 20 วิสาหกิจ รวมกว่า 20 ผลิตภัณฑ์/บริการ และผลักดันให้เกิดเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน 1 เครือข่ายต่อ 1 มหาวิทยาลัย ตั้งเป้าหมายให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ 161 ล้านบาท ซึ่งจากการดำเนินกิจกรรมในช่วง 6 เดือน (ตั้งแต่เดือนมีนาคม – สิงหาคม 2562) ศูนย์แห่งความเป็นเลิศสามารถอบรมให้ความรู้ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และจัดทำแผนธุรกิจแก่ผู้ประกอบการและวิสาหกิจชุมชนได้ถึง 3,323 รายทั่วประเทศ พัฒนาศักยภาพผลิตภัณฑ์/สินค้าและขยายช่องทางการตลาดไม่น้อยกว่า 453 ราย มีการยกระดับผู้ประกอบการจากบุคคล ชุมชน เป็นวิสาหกิจชุมชนจำนวน 72 ราย"
นอกจากนี้ ยังมีการยกระดับจากผู้ประกอบการรายย่อย เป็น SME จำนวน 173 สร้างเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนเพิ่มขึ้น 10 เครือข่ายทั่วประเทศ มีวิสาหกิจชุมชนในเครือข่ายรวม 57 วิสาหกิจชุมชน นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับชุมชนพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์สินค้าของวิสาหกิจชุมชนจนได้คุณภาพมาตรฐานจำนวน 43 วิสาหกิจ รวมกว่า 43 ผลิตภัณฑ์/บริการ ส่งผลให้รายได้ธุรกิจชุมชนเพิ่มขึ้นจากเดิมร้อยละ 17.67 เกิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจจากการดำเนินงานของธุรกิจชุมชนกว่า 317 ล้านบาท มีการพัฒนาที่ดีในด้านสังคม โดยทำให้ชุมชนมีงานทำอย่างยั่งยืน 3,171 ราย และมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นกว่า 11.45%
นายสุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า สินค้าวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับการพัฒนาส่งเสริมให้มีศักยภาพ จำนวน 453 รายทั่วประเทศ ได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรม เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ และจำหน่ายสินค้าภายในงานแสดงสินค้าที่จัดขึ้น นอกจากนี้ยังมีการคัดเลือก Product Champions ของ 8 ธุรกิจชุมชน จาก 8 ศูนย์แห่งความเป็นเลิศ โดยพิจารณาจากศักยภาพและความโดดเด่นของผลิตภัณฑ์ ซึ่งสามารถแข่งขันได้ในตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ประการสำคัญต้องเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญของชุมชน โดยมีคนในชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในมิติต่างๆ