จับตา “ม็อบฮ่องกง” เดือดอีกรอบ นัดประท้วงใหญ่พร้อมกันหลายประเทศ ก่อนถึงวันชาติจีน 1 ต.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 1 ตุลาคมนี้ จะเป็นวันครบรอบ 70 ปี การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่เตรียมจัดงานใหญ่ ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ประท้วงฮ่องกง ก็มีการวางแผนเดินขบวนต่อต้านครั้งใหญ่เช่นกีน
โดยวันนี้ (29 ก.ย.) ผู้ประท้วงนัดเดินขบวนต้านการปกครองอำนาจนิยมเบ็ดเสร็จ หลังจากเมื่อคืนนี้ (28 ก.ย.) เพิ่งปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขว้างปาหน้าต่างสถานที่ราชการได้รับความเสียหาย และปิดถนนสายหลักใกล้สำนักงานใหญ่กองทัพปลดแอกประชาชนจีนในฮ่องกง เจ้าหน้าที่ต้องยิงแก๊สน้ำตาและฉีดน้ำสลายการชุมนุม ซึ่งมีแถลงการณ์จากฝ่ายตำรวจระบุว่า ผู้ประท้วงกลุ่มใหญ่ยึดถนนฮาร์คอร์ท ปาก้อนอิฐเข้าใส่ตำรวจ ถือเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อทุกคนในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่าตำรวจฮ่องกงเตรียมรับมือกับการประท้วงใหญ่ที่อุทยานทามาร์ ใกล้กับสภานิติบัญญัติในวันพรุ่งนี้(30ก.ย.) ซึ่งตรงกับวาระครบรอบ 5 ปีหลังการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในปี 2557 คาดว่าประชาชนจำนวนมากจะเข้าร่วมการชุมนุมประท้วง หลังสำนักงานตำรวจฮ่องกงอนุญาตคำขอจัดประท้วงของแกนนำเมื่อวาน
นอกจากนี้ นักเคลื่อนไหวของฮ่องกงจะจัดให้มีการเดินขบวนประท้วงในหลายเมืองทั่วโลก รวมทั้งกรุงปารีส, กรุงเบอร์ลิน, กรุงไทเป,นครนิวยอร์ก,กรุงเคียฟ และกรุงลอนดอน แต่การประท้วงใหญ่สุดอาจจะมีขึ้นในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ซึ่งตรงกับวันชาติจีน ซึ่งผู้ประท้วงหลายคนระบุว่าพวกเขาวางแผนจะใช้โอกาสนี้รณรงค์ตามเวทีประชุมนานาชาติ เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ขณะเดียวกันผู้ประท้วงจะเดินขบวนจากอุทยานวิคทอเรียในเขตคอสเวย์เบย์ไปยังสวนชาเตอร์ ใกล้ทำเนียบรัฐบาล
ส่วนงานเสวนาสาธารณะ 4 ชม.ที่หอประชุม ควีนเอลิซาเบธ ในย่านหว่านไจ๋เมื่อวาน สิ้นสุดในเวลา 21.30 น.นางแคร์รี่ หล่ำ ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกงไปร่วมงานเสวนากับตัวแทนประชาชน 130 คนที่ได้รับคัดเลือกมาจากผู้สมัครผ่านระบบออนไลน์ทั้งหมด 20,000 คน นับเป็นการจัดการเสวนาสาธารณะเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มีการประท้วงเมื่อ 16 สัปดาห์ก่อน โดยนางหล่ำถูกผู้ร่วมงานเสวนาส่วนใหญ่วิจารณ์ในเรื่องการควบคุมสถานการณ์ไม่ให้บานปลาย โดยเฉพาะการยืนหยัดที่จะเสนอร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนให้สภานิติบัญญัติพิจารณาเมื่อต้นเดือนมิถุนายน แม้ว่าประชาชนเริ่มคัดค้านมากขึ้นเรื่อย ซึ่งนางหล่ำยอมรับว่า เธอทราบว่าหลายคนรู้สึกขาดความไว้วางใจในตัวเธอ เพิ่มเติมว่าไม่ว่ารัฐบาลจะทำอะไร ประชาชนบางกลุ่มก็รู้หวั่นวิตกและแม้กระทั่งไม่พอใจ พร้อมทั้งหวังว่าการเสวนาสาธารณะครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นไปสู่การเปลี่ยนแปลงต่างๆในทางที่ดีขึ้น