ไม่ใช่แค่ราคาคุย! บุกพิสูจน์ข้าวตันละ 6 แสน
“อุบลศักดิ์” รองประธาน กมธ.คนที่ 2 บุกพื้นที่ศูนย์เรียนรู้กสิกรรมไร้สารพิษละโว้ธานี ลุยพิสูจน์ข้าวตันละ 6 แสนบาท เล็งตั้งเป็นโมเดลให้ชาวนาทั่วประเทศเรียนรู้ ตั้งแต่การผลิตลดต้นทุน ดูแลอย่างไรใส่สารเคมี หรือใส่ให้น้อย นำร่อง สหกรณ์/กลุ่มเข้มแข็งเลียนโมเดลลพบุรี ปูทางสู่กระทรวงการข้าว
นายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่หนึ่ง และประธานคณะอนุกรรมาธิการเพื่อพิจารณาศึกษาปัญหาเรื่องข้าว ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ สภาผู้แทนราษฎร เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ระหว่างไปดูงานที่จังหวัดลพบุรี (27 ก.ย.62) ว่าที่ผ่านมาตั้งแต่คณะทำงานฯ ได้แต่งตั้งขึ้นมาได้เชิญฝ่ายผลิต ตั้งแต่ชาวนา โรงสี ผู้ส่งออก มาหาข้อมูลเชิงลึก และได้ลงพื้นที่ไปหลายจังหวัด เห็นการดำเนินการเห็นว่าหากให้ชาวนามาขายข้าวตันละ 6,000 บาทคงอยู่ไม่ได้ เพราะต้นทุนไม่น้อยกว่า 8,000 บาท
“วันนี้เห็นความสำคัญการแปรรูปข้าว ทำอย่างไรที่จะเพิ่มมูลค่าผลผลิตสินค้าในแต่ละตัวได้จึงได้ศึกษาดูงานศูนย์การเรียนรู้กสิกรรมไร้สารพิษละโว้ธานี ที่มีวิธีการลดต้นทุน ทำรายได้ 1 ตันละ 6 แสนบาท ควบคู่การส่งออก แต่ไม่ได้หมายความจะมีตลาดได้เหมือนกันหมด ขึ้นอยู่กับกลุ่มเกษตรกรหรือสหกรณ์ ที่เข้มแข็งมีลานข้าว โรงสีขนาดเล็ก หรือจะจ้างโรงสีสีแปรก็ได้ จากนั้นก็นำรำ ส่วนอื่นที่ได้ก็ไปขายให้กับโรงอาหารสัตว์ ตัดตอนพ่อค้า โรงสีก็จะทำให้ชาวนาลืมตาอ้าปากได้”
นายอุบลศักดิ์ กล่าวว่า ต้องนำงานวิจัย ของมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่คุณค่าอาหารของข้าวแต่ละชนิด มาเพิ่มมูลค่า จะเห็นว่าทางศูนย์ได้เลือกพันธุ์ข้าววิธีที่ชาญฉลาด ไม่ใช่ข้าว กข.ธรรมดาที่ชาวนาขายไม่ได้ราคา ยกตัวอย่างที่นี่ เลือกปลูก ข้าวไรซ์เบอร์รี่,ข้าวเหนียวลืมผัว,ข้าวกล้องสังข์หยด,ข้าวหอมมะลิธรรมศาสตร์ และข้าวทัมทิมชุมแพ แค่ขายข้าวอย่างเดียว อย่างน้อยตันละ 2 หมื่นบาท
“ทางคณะฯ มีความมุ่งมั่นอยากให้ชาวนาลืมตาอ้าปากได้ เพราะในอดีตเป็นที่ทราบดีว่าไม่นโยบายอะไรที่ออกมาหนีไม่พ้นการคอรัปชั่น โกงกิน แทรกแซงของนายทุน ถ้าเป็นอย่างนี้อนาคตยิ่งมืดมด ดังนั้นการแก้ไขปัญหาการจัดข้าว วิธีเร็วที่สุด ก็คือ ให้สหกรณ์/กลุ่มอำเภอ เข้มเข็ง 77 จังหวัด นำร่อง ให้เป็นโมเดลต้นแบบที่ศูนย์เรียนรู้ฯลพบุรี วิธีลดต้นทุน ใช้สารเคมีให้น้อยหรือไม่ใช้เลยทำอย่างไร เห็นแล้ว ไม่ใช่ราคาคุยตันละ 6 แสนบาท ย้ำ!มีตัวอย่าง ไม่ใช่แค่ราคาคุย!”
นายอุบลศักดิ์ กล่าวว่า จากนั้นก็ต้องตั้งกระทรวงการข้าว เพื่อแก้ปัญหาข้าวทั้งระบบ เพราะปัจจุบันการแก้ปัญหาต่างคนต่างแก้ ฝ่ายผลิต กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฝ่ายการตลาดก็กระทรวงพาณิชย์ ต่างคนต่างทำงาน แล้วจะแก้ปัญหาได้อย่างไร จะต้องรวบยุบหน่วยงานให้เป็นองค์กรเดียวกันเพื่อทำให้ปัญหาการจัดการข้าวยั่งยืน
ด้านนายเชาว์วัช หนูทอง ประธานศูนย์เรียนรู้กสิกรรมไร้สารพิษละโว้ธานี กล่าวว่า แนวทางการทำเกษตรกรรมก็คือ ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต ให้สอดคล้องกับตลาด และมีการผลิตสินค้าหลากหลายเพื่อลดความเสี่ยง รวมทั้งการแปรรูปเพิ่มมูลค่า โดยน้อมหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตควบคู่ทำให้สิ่งที่คาดหวังในเรื่องการเกษตรบรรลุเป้าหมายเกษตรกรพ้นจากความยากจน
การลดต้นทุน ก็คือ “แหนแดง” เป็นเฟิร์นน้ำเล็กชนิดหนึ่ง ที่ช่วยลดปริมาณวัชพืชในนาข้าวได้ โดยไม่ต้องใช้สารกำจัดวัช หรือการทำนาโยน แล้วตอนนี้ทางศูนย์ได้วิวัฒนาการมาอีกทางเลือกใหม่สำหรับชาวนา ก็คือ การทำนาแบบต้นเดี่ยว หรือทำนาแบบปราณีต การปลูกข้าวในหลุม โดยวางเมล็ดข้าว 1-2 เมล็ด ปลูกจนต้นกล้าข้าวอายุ 8-15 วัน นำมาปลูกแบบต้นเดี่ยว โดยปลูกระยะห่าง 30x30 ซม.การปลูกแบบนี้มีผลดีข้าวแตกกอมากว่าวิธีปกติ เพราะต้นข้าวไม่แย่งอาหารกันเอง นอกจากนี้ยังช่วยลดการใช้น้ำ ลดต้นทุนการผลิต ต้านทานโรคและแมลงมากขึ้นอีกด้วย
ที่สำคัญทางศูนย์เองได้ผลิตเครื่องกำจัดวัชพืชแบบกลไกลง่ายๆ ที่เรียกว่าคราดหมุน ซึ่งในขณะที่กำจัดวัชพืชจะเป็นกรไถพรวนดินไปในตัว ซึ่งจะช่วยเพีมอากาศในดินและซากวัชพืชจะกลายเป็นปุ๋ยหมักสำหรับต้นข้าว
นายเชาว์วัช กล่าวว่า จากการที่เลือกพันธุ์ข้าวที่ตรงกับความต้องการของตลาดทำให้ขายข้าวได้ตันละ 3 หมื่นบาท ยังไม่รวมการแปรรูปเพิ่มมูลค่า อาทิ แชมพูข้าวหอมนิล,โลชั่นน้ำนมข้าวกับว่านหางจระเข้ และครีมนวดข้าวหอมนิล เป็นต้น ดังนั้นข้าว 1 ตัน ที่สามารถทำให้มีรายได้ 6 แสนบาทนั้นไม่ยาก ใครๆ ก็ทำได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
1.ดันวาระร้อน ตั้ง ‘กระทรวงการข้าว’ ของขวัญชาวนา https://www.thansettakij.com/content/405120