อนุฯ ปาล์ม-ยางฯ รับปากชาวสวน “ปั่นไฟ” กระบี่

ข่าวดี! ปาล์มกระบี่เต้น หลังอนุปาล์ม-ยางฯ ลงพื้นที่รับปาก จะชงเข้า ครม.ให้เดินเครื่องปั่นไฟที่กระบี่ ฟุ้งข้อดีเพียบ ไม่ต้องเสียค่าต๋งขนส่งทางเรือ ชาวสวนส่งตรงถึงปล่องไฟ กังขา กฟผ.กระบี่ โอดต้นทุนผลิตแพง ด้านพาณิชย์ นัดจ่ายชดเชยรายได้ 1.32 บาท/กก. เข้าบัญชี 1 ต.ค.นี้

นายชโยดม  สุวรรณวัฒนะ ประธานชมรมคนปลูกปาล์มน้ำมัน จ.กระบี่ และในฐานะตัวแทนเครือข่ายผู้สนับสนุนการใช้น้ำมันไบโอดีเซล บี100 เผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" นายชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ และประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาปัญหาเรื่องปาล์มและยางพารา สภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดกระบี่ (16 ก.ย.62)  

เพื่อรับฟังและติดตามปัญหาราคาพืชผลปาล์มน้ำมันตกต่ำ ลงพื้นที่จังหวัดกระบี่ ผมเข้าร่วมให้ข้อมูล ราคาไม่ขยับขึ้นเลยทั้งที่ผลปาล์มในช่วงนี้มีน้อยมาก เพราะโรงงานอาจจะเห็นว่ารัฐบาลก็ชดเชยส่วนต่างให้เกษตรกรอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องขึ้นก็ได้

ยกตัวอย่าง โรงงานซื้อถูกชาวบ้านก็สบายใจ รัฐบาลยิ่งชดเชยมาก ก็อาจจะได้มีผลงาน มองผลประโยชน์สมยอมกันมากกว่า แต่ภาษีของประชาชนทุกคน มาใช้อย่างนี้ชาวสวนปาล์มไม่สบายใจ ส่วน กฟผ.ก็มีปัญหาเบิกงบประมาณมาชดเชยไม่ได้ ทำไปแล้วรัฐบาลก็โยนไปให้หน่วยงานโน้นนี่นั้น ทาง กฟผ.ก็ร่วมคณะมาด้วย

นายชโยดม  กล่าวว่า วันนั้นผมได้เสนอให้เอาผลปาล์มทะลายมาผลิตไฟฟ้าได้เลย ไม่จำเป็นที่จะต้องไปเอาน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) มาปั่นกระแสไฟฟ้าเพราะในช่วงที่เผาปาล์มประท้วงไฟร้อนแรงมาก มลพิษก็ไม่มี หรือมีควันแทบน้อยมาก ลดการแปรสภาพจากน้ำมันปาล์มซีพีโอ 13 บาทกว่า มองว่าจะถูกกว่าด้วยซ้ำไป พอเสนอไปแล้วทั้งคณะฯ บอกว่าไอเดียดีมาก จะรับเรื่องไปเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเร็วๆนี้

สำหรับขั้นตอนไม่ยุ่งยากแค่เปิดรับซื้อทะลายแล้วเผาเลย เงินไม่รั่วไหล ถึงมือเกษตรกรแน่นอน ลดค่าขนส่งทางเรือไปโรงงาน ลดค่าการแปรสภาพจากปาล์มทะลายผลิตซีพีโอ 3.50 บาท/กก. รวมแล้วลดลงไป 4 บาท/กก.นำเงินส่วนนี้มาให้เกษตรกรดีกว่าหรือไม่ โดยใช้โรงไฟฟ้ากระบี่

นายชโยดม กล่าวอีกว่า ในวันนั้นทางผู้ว่าการการไฟฟ้ากระบี่ ก็แจงว่าไม่คุ้ม คิดว่าค่าไฟหน่วยละ 4 บาท แต่ผมก็เถียงว่าเอาอะไรมาวัดว่าคุ้มหรือไม่คุ้ม เพราะเปิดโรงไฟฟ้ากระบี่ ชาวสวนแต่ละคนพร้อมใจที่จะขนมาส่งเองถึงปล่องไฟโรงงานเลย ทุกวันนี้ชาวสวนกระบี่ก็สูดควันไฟโรงงานอยู่แล้วมาเป็นระยะเวลา 40-50 ปี โดยใช้ถ่านหินลิกไนต์มาผลิตจนหมด ร่ำรวย แจกโบนัสสนั่นทั้งประเทศ แต่วันนี้ชาวสวนเดือดร้อน ขอร้องให้นำผลปาล์มไปผลิตแต่ท่านบอกว่าไม่คุ้ม พูดไปอย่างนี้ก็เงียบ คาดว่าจะโมโหจนพูดไม่ออก

“นี่คือความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เมื่อขนเครื่องจักรไปผลิตไฟฟ้าที่บางปะกง ผลปาล์มไม่กระเตื้องขึ้น กลับลงดิ่งตลอด เสียค่าขนส่งนายทุนเอาไปกินกันสนั่นหวั่นไหว ในตอนนั้นอ้างสารพัดทุกรูปแบบ  และรอบโรงไฟฟ้ามีแต่สวนปาล์มล้อมรอบ แต่กลับมองข้ามขนไปที่อื่น ไม่แน่ใจว่าใช้อะไรคิด ตอนนี้ไม่สาย เปิดรับซื้อเลย ส่วนเครื่องจักรที่ขนไปนั้น ก็ไม่แน่ใจว่าจะต้องซื้อเครื่องใหม่เลยไหม หรือจะขนกลับจากบางปะกงมาผลิตที่โรงงานกระบี่ใหม่”

ดังนั้นจะเห็นว่าเพื่อลดค่าใช้จ่ายราคาปาล์มขึ้นแน่นอน เงินไม่ร่วงไหลเลย แล้วกระบวนการไม่ซับบซ้อนให้เผาทั้งทะลายเลย ซื้อจากเกษตรกรโดยตรง อาจจะบวกราคาจากตลาดแค่ 10-20 สตางค์ เท่านั้นแต่คุ้มตรงที่ว่าสามารถยกระดับราคาทั้งประเทศได้ นี่คือความหวังของเกษตรกรปาล์มที่เริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อีกครั้งหนึ่ง

ด้านกระทรวงพาณิชย์ ประกาศราคาอ้างอิงปาล์มน้ำมัน งวดที่ 1  ผลปาล์ม ราคา 2.68 บาท/กก. เกษตรกรจะได้รับชดเชย 1.32 บาท/กก. หรือ 479.49 บาท/ไร่ (ไม่เกิน 25 ไร่) จ่ายวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ทั้งนี้การคำนวณใช้ราคาซื้อขายผลปาล์มทะลาย (อัตราน้ำมัน 18%) รายวันเฉลี่ยย้อนหลังของลานเทและโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี กระบี่ ชุมพร ปัตตานี และชลบุรี ที่สำนักพาณิชย์ จังหวัดสำรวจ ในช่วงวันที่ 12 สิงหาคม-25 กันยายน 2562 รวม 44 วัน ปริมาณผลผลิตที่จะชดเชยงวดที่ 1 เท่ากับ 363.25 กิโลกรัมต่อไร่ ซึ่งคำนวณจากผลผลิตเฉลี่ย 2,906 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี ตามมติคณะอนุกรรมการฯ เมื่อวันที่ 5 กันยายนที่ผ่านมา จะให้ ธ.ก.ส.โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง