มาสด้ากด CX-8 1.7ล้านสู้พีพีวี

ตลาดเอสยูวี/พีพีวี เดือด “มาสด้า” เล็งทำราคา CX-8 สู้พีพีวีโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ฟอร์ดเอเวอเรสต์ หรือเริ่มต้นประมาณ 1.7-1.8 ล้านบาท พร้อมเปิดตัวปลายปีนี้ สำทับด้วย CX-5 ตัวแรงเครื่องยนต์ใหม่ 2.5 ลิตร เทอร์โบ สุดปลื้ม “มาสด้า 3 โฉมใหม่” ยอดจองทะลักกว่า 1,000 คันภายใน 4 วัน ยืนยันปิกอัพใหม่ที่จ้างอีซูซุประกอบบุกตลาดไทยปีหน้า

แม้ “มาสด้า” จะออกมายอมรับว่ายอดขายปีนี้อาจทำได้ไม่ถึงเป้าหมายที่วางไว้ ด้วยภาวะเศรษฐกิจซบเซา หนี้ครัวเรือนสูง และความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน โดยขยับตัวเลขเหลือ 6.5-6.6 หมื่นคัน จากเดิมตั้งไว้ 7.2 -7.3 หมื่นคัน

ส่วน 8 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ส.ค.62) ขายไป 41,324 คัน ลดลง 9.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ท่านประธาน “ชาญชัย ตระการอุดมสุข” ยังเชื่อมั่นว่าถึงสิ้นปีนี้ มาสด้าจะทำส่วนแบ่งการตลาดได้ตามที่หวังไว้ 6.9%

ช่วงไตรมาส 3 ต่อเนื่องถึงปลายปีนี้ “มาสด้า” เดินหน้าเปิดตัวโปรดักต์ใหม่แบบโมเดลเชนจ์และรุ่นที่ไม่เคยทำตลาดมาก่อน ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่ CX-8 เอสยูวีที่วางตำแหน่งทางการตลาดสูงกว่า CX-5 ซึ่งทั้ง2 รุ่นนี้นำเข้ามาจากโรงงานในประเทศมาเลเซียเช่นเดียวกัน

การทำตลาดจะมีทางเลือกหลากหลายทั้งรุ่น 6 ที่นั่ง (2-2-2) และ 7 ที่นั่ง (2-3-2) โดยรุ่น 6 ที่นั่งโดดเด่นด้วยเบาะนั่งแถว 2 แบบ “กัปตันซีต” ซึ่งเป็นเบาะคู่แต่แยกให้มีพื้นที่ตรงกลาง เดินผ่านไปข้างหลัง(วอล์กทรู) เพิ่มความสะดวกสบาย ส่วนรุ่น 7 ที่นั่งในตำแหน่งนี้จะเป็นเบาะแบบยาวติดกันรองรับ 3 ที่นั่ง

ขณะที่เครื่องยนต์ประเดิมด้วยดีเซล 4 สูบ 2.2 ลิตร 190 แรงม้า และจะเพิ่มทางเลือกด้วยเบนซิน 4 สูบ 2.5 ลิตร ตามมาอีกหนึ่งบล็อก ทั้ง 2 ขุมพลังส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

น่าสนใจว่ามาสด้า จะตั้งราคา CX-8 ตัวเริ่มต้นให้อยู่ประมาณ 1.7-1.8 ล้านบาท หวังสู้กับเอสยูวีที่พัฒนาบนพื้นฐานปิกอัพทั้ง โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ซึ่งกลุ่มนี้รุ่นท็อปออพชันเต็มราคาอยู่ในช่วง 1.6-1.8 ล้านบาททั้งนั้น

อย่างไรก็ตาม มาสด้า CX-8 จะชูเรื่องความหรูหรานั่งสบาย จากการเป็นรถยนต์นั่งแท้ๆ ขึ้นรูปแบบโมโนค็อก ต่างจากพีพีวีที่เป็นแบบบอดี้ออนเฟรมแบบปิกอัพ การมาของ CX-8 อาจจะทำให้มาสด้าต้องปรับไลน์อัพของ CX-5 จากปัจจุบันรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ราคาเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท และเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร 175 แรงม้า ราคา 1.56 และ 1.77 ล้านบาท ซึ่งมาสด้าเตรียมเพิ่มตัวแรงเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตรเทอร์โบ ที่เริ่มขายแล้วในประเทศมาเลเซียด้วยพละกำลังระดับ 228 แรงม้า ถึงเวลานั้นต้องดูว่ามาสด้าจะปรับรุ่นย่อยของ CX-5 ออกมาอย่างไร

สำหรับยอดขายในกลุ่มคอมแพ็กต์เอสยูวี 8 เดือนที่ผ่านมา อันดับ 1เป็นของ ฮอนด้า ซีอาร์-วี 8,059 คัน มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 จำนวน 2,213 คัน นิสสัน เอ็กซ์เทรล 982 คัน ล่าสุดวันที่ 25 กันยายน ที่ผ่านมา เอ็มจี ยังเปิดตัว HS ที่จะเข้ามาทำตลาดแทน GS อีกด้วย

HS วางเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ 162 แรงม้า เตรียมกินรวบทั้งกลุ่ม ซี-เอสยูวีและ บี-เอสยูวีระดับบน(ฮอนด้า เอชอาร์-วี,โตโยต้า ซี-เอชอาร์) ตกแต่งภายในสุดหรู ออพชันตัวท็อปใส่มาไม่แพ้คู่แข่ง แบ่งขาย 3 รุ่นย่อย C ราคา 9.19 แสนบาท D 1.019 ล้านบาท และ X 1.119 ล้านบาท โดยช่วงเปิดตัวมีส่วนลด 34,000 บาทสำหรับ 1,000 คันแรก ทำให้ตัวเริ่มต้นขาย 8.85 แสนบาท ตั้งเป้าหมายการขาย 1,000 คันต่อเดือน

นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กล่าวว่า การเปิดตัวมาสด้า3 โฉมใหม่ และปลายปีนี้ยังมีเอสยูวี CX-8 พร้อมด้วยงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2019 จะช่วยกระตุ้นยอดขายให้กระเตื้องขึ้น ส่วนปีหน้าเตรียมเปิดตัวปิกอัพรุ่นใหม่

มาสด้าตั้งเป้าหมายการขาย มาสด้า3 โฉมใหม่ 7,000 คันต่อปี หรือ 600 คันต่อเดือน หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการมาสด้า3 ได้จัดแคมเปญพิเศษทั้ง ฟรีค่าแรงเช็กระยะ 5 ปี หรือ 1 แสนกิโลเมตร ,ขยายการรับประกันคุณภาพเป็น 5 ปี หรือ 1.5 แสนกิโลเมตร ฟรีประกันภัยชั้น 1 Mazda Premium Insurance

ด้านนายธีร์ เพิ่มพงศ์พันธ์ รองประธานบริหารฝ่ายการตลาดและรัฐกิจสัมพันธ์ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย กล่าวว่า กระแสตอบรับมาสด้า 3 โฉมใหม่ เแรงขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเริ่มสื่อสารข้อมูลและรายละเอียดบางส่วนเกี่ยวกับรถสู่สาธารณชน ทั้งการจัดกิจกรรม sneak preview เมื่อเดือนสิงหาคม จากนั้นมาสด้าให้ลูกค้าลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์เข้าชมมาสด้า 3 โฉมใหม่ในงานเปิดตัว โดยลูกค้าให้ความสนใจลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลข่าวสารผ่านระบบออนไลน์ ผ่านช่องทางการสื่อสารของมาสด้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เกือบ 10,000 คน และเดินทางเข้าร่วมงานกว่า 2,000 คน รวมทั้งกิจกรรมการเปิดตัวพร้อมๆ กันทุกโชว์รูมทั่วประเทศ

ผลปรากฏว่าลูกค้าให้ความสนใจ มาสด้า 3 โฉมใหม่อย่างล้นหลาม และจองซื้อเข้ามากว่า 1,100 คัน ในระยะเวลาเพียงแค่ 4 วัน ทำลายสถิติเดิมที่เคยทำไว้เมื่อปี 2547 ซึ่งตอนนั้นมียอดจอง 4 วัน 1,000 คัน รุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือตัวท็อป 2.0 SP มียอดจองกว่า 70% ขณะที่สัดส่วนการขายระหว่างตัวถังซีดาน 4 ประตู และ ฟาสต์แบ็ก 5 ประตู เท่าๆกันที่ 50:50 พร้อมมีรถส่งมอบรถใหม่ให้กับลูกค้าได้ทันที

“รถคอมแพ็กต์คาร์ หรือ ซี-เซ็กเมนต์ ถือเป็นเซกเมนต์ยุทธศาสตร์ที่ค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นให้ความสำคัญ ปัจจุบันเหลือ 3 ยี่ห้อ และที่ผ่านๆมาตลาดเหลือ 5-8 หมื่นคันต่อปี แต่ปีนี้เชื่อว่าตลาดจะโตขึ้น เพราะการเปิดตัวโฉมใหม่ของ 2 ยี่ห้อ(มาสด้า 3 กับ โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส)”นายธีร์ กล่าว

สำหรับมาสด้า 3 ใหม่ มีให้เลือกทั้งรุ่นฟาสต์แบ็ก5 ประตู และซีดาน 4 ประตู แบ่งขาย 3 เกรด 2.0 C ราคา 9.69 แสนบาท 2.0 S ราคา 1.069 ล้านบาท และ 2.0 SP ราคา 1.198 ล้านบาท 

หน้า 28-29 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจปีที่ 39 ฉบับที่ 3,509 วันที่ 29 กันยายน - 2 ตุลาคม พ.ศ. 2562