First Thought! ในการเริ่มธุรกิจกับคู่สมรส

29 ก.ย. 2562 | 06:14 น.

คอลัมน์ บิสิเนส แบ็กสเตจ โดย : ผศ.ดร.เอกชัย อภิศักดิ์กุล

ปัจจุบันแม้จะมีธุรกิจครอบครัวที่ประสบความสำเร็จมากมายให้เห็นเป็นตัวอย่างจากทั่วโลก แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่คนในครอบครัวเดียวกันโดยเฉพาะสามีภรรยาจะเริ่มต้นทำธุรกิจร่วมกันประสบความสำเร็จโดยไม่กระทบกระทั่งกัน เจ้าของธุรกิจครอบครัวที่ดูถูกบทบาทของครอบครัวที่มีต่อความสำเร็จของตน จะไม่มีทางสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจได้

จากการสำรวจโดย Insurance Quotes พบว่าประมาณ 20% ของธุรกิจใหม่ล้มเหลวในปีแรกของการดำเนินกิจการและ 70% ล้มเหลวหลังจากดำเนินกิจการไปแล้ว 10 ปี นั่นแสดงให้เห็นว่าแม้จะเริ่มต้นทำธุรกิจได้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเจริญก้าวหน้าไปตลอดรอดฝั่งเสมอไป สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งคือการเรียนรู้จากตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จ Justin Kulla ผู้ก่อตั้งและ CEO แห่ง BusinessBlocks ได้เคยเล่าประสบการณ์และแนวทางการทำธุรกิจครอบครัวไว้อย่างน่าสนใจว่า

เมื่อเกือบ 40 ปีที่แล้วพ่อแม่ของเขาตัดสินใจทำธุรกิจด้วยกันซึ่งตอนนั้นทั้งคู่เพิ่งมีลูกคนแรกและอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์แบบ 1 ห้องนอน เขาเองเห็นตั้งแต่แรกว่ามันยากแค่ไหนสำหรับพ่อแม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดสรรเวลาในการทำธุรกิจและทำหน้าที่รับผิดชอบครอบครัวไปด้วย ในตอนนั้นแม่เป็นโบรกเกอร์และพ่อเป็นเจ้าของร้านขายเครื่องประดับในนิวยอร์กซิตี เมื่อแม่ตัดสินใจที่จะเข้าร่วมทำธุรกิจกับพ่อก็ไม่ได้คิดว่าการผสมผสานชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงานเข้าด้วยกันจะเป็นเรื่องยากแต่อย่างใด และจากการที่ทั้งคู่ต้องการประสบความสำเร็จและมีความภูมิใจในบริษัทของตนเอง จึงทำทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งหมด การเปิดตัวบริษัทเริ่มต้นขึ้นด้วยความตื่นเต้น

First Thought!  ในการเริ่มธุรกิจกับคู่สมรส

พวกเขาได้ทดลองดูว่าอะไรที่ใช้ได้ผล อะไรไม่ได้ผลและวิธีที่ดีที่สุดในการเติบโตและจัดการธุรกิจ พ่อเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ มุ่งเติบโตในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ ขณะที่แม่เป็นคนที่มีระเบียบสูง มุ่งเน้นไปที่ความรับผิดชอบด้านการบริหารและการเงิน

แต่ไม่นานหลังจากนั้นพ่อแม่ก็ตระหนักว่าการจัดการสมดุลระหว่างชีวิตครอบครัวและงานนั้นเป็นเรื่องยาก ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาของ  Pew Research Study ที่พบว่าพ่อแม่ที่เป็นคนทำงานจำนวนมากมีเวลาให้ครอบครัวไม่เพียงพอ โดยครอบครัว 46% มีพ่อแม่ทำงานเต็มเวลาทั้ง 2 คน และเกือบ 40% ของแม่ที่ทำงานบอกว่าพวกเธอให้เวลากับลูกน้อยเกินไป ขณะที่ 50% ของพ่อที่ทำงานบอกว่าพวกเขาไม่ได้ให้เวลากับลูก ๆ มากพอ อย่างไรก็ตามคู่สามีภรรยาสามารถทำงานร่วมกันให้ประสบความสำเร็จได้ โดยพ่อแม่ของ Justin ยึดหลัก 3 ข้อในชีวิตประจำวัน ดังนี้

1. ชื่นชมความสามารถของกันและกัน อันที่จริงก็เหมือนกับการจัดการภายในบ้าน คือคนหนึ่งอาจทำอาหารเก่งขณะที่อีกคนอาจล้างจานเก่ง คู่สามีภรรยาที่ประสบความสำเร็จจะแสดงความขอบคุณกันและกันอยู่เสมอและตระหนักดีว่าความสำเร็จของพวกเขาเป็นผลมาจากทักษะของทั้ง 2 คนรวมกัน

 

2. ปล่อยวางบ้าง อย่าให้ความขัดแย้งในการทำงานกลายมาเป็นเรื่องส่วนตัว ต้องจำไว้ว่าทำไมคุณจึงเริ่มต้นทำธุรกิจด้วยกันและที่ต้องจำให้ขึ้นใจว่าการมีธุรกิจอยู่นั้นก็เพื่อทำให้ชีวิตของคุณดีขึ้น แต่มันไม่ใช่ชีวิตทั้งหมดของเรา

3. หาพื้นที่ในการทำงานของแต่ละคน หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่สุดของคู่สามีภรรยาในช่วงเริ่มต้นธุรกิจคือพวกเขาพยายามทำทุกอย่างด้วยกัน ทางที่ดีควรมีการแบ่งอำนาจการตัดสินใจและหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละคนให้ชัดเจน สิ่งสำคัญคือพยายามให้แต่ละคนมีพื้นที่ในการทำงานเพื่อป้องกันความคับข้องใจและความขัดแย้งที่ไม่จำเป็นซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

สิ่งที่พ่อแม่ Justin ได้ยึดเป็นหลักปฏิบัติข้างต้นมีความสำคัญต่อความ
สำเร็จในการทำงานร่วมกันอย่างยิ่ง ทุกวันนี้พ่อแม่ของ Justin ยังคงทำธุรกิจร่วมกัน ซึ่งพ่อของเขายังบอกว่าธุรกิจอาจจะไม่รอดมาจนถึงทุกวันนี้หากไม่มีกันและกัน และรู้สึกโชคดีที่ได้ทำงานกับแม่ซึ่งถือเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดมาเกือบ 40 ปีแล้ว
 

 

ที่มา : Bennedsen, Morten. 2014. Mapping the Future for Family Firms. FAMILY BUSINESS. Available: https://knowledge.insead.edu/family-business/mapping-the-future-for-family-firms-3721

หน้า 31 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3509 ระหว่างวันที่ 29 กันยายน - 2 ตุลาคม 2562