ผ่าเงื่อนไขยึดหลักประกันประมูลไฮสปีด2พันล.

26 ก.ย. 2562 | 08:10 น.

การลงนามในสัญญาร่วมทุนรัฐและเอกชนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ของกลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัท เจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และกลุ่มพันธมิตรหรือซีพี กับการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ที่วันนี้ได้ยืดเยื้อไม่สามารถดำเนินการได้ จนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะกำกับกระทรวงคมนาคม ต้องออกมาขีดเส้นตายให้มาลงนามภายในวันที่ 15 ตุลาคม 2562 ไม่เช่นนั้น จะถูกริบหลักประกันการประมูล 2,000 ล้านบาท และขึ้นบัญชีดำเป็นผู้ละทิ้งงานตามระเบียบพัสดุของทางราชการ

ผ่าเงื่อนไขยึดหลักประกันประมูลไฮสปีด2พันล.

หากมาพิจารณาในสัญญาร่วมทุนของโครงการดังกล่าว มีการระบุไว้ในหมวดที่ 7 ว่าด้วยหลักประกันซอง ที่ระบุไว้ในข้อ 56.1 ผู้ยื่นข้อเสนอต้องยื่นหลักประกันซองพร้อมกับการยื่นซองเอกสารข้อเสนอ มูลค่า 2,000 ล้านบาท โดยที่หลักประกันซองจะถูกริบได้ ในกรณีที่ ผู้ยื่นข้อเสนอขอถอนเอกสารข้อเสนอของตน ในช่วงเวลาที่เอกสารข้อเสนอยังไม่หมดอายุ หรือผู้ยื่นข้อเสนอไม่ยอมรับการแก้ไขข้อมูลที่เสนอไป ตามที่ระบุไว้ในข้อ 46 การแก้ไขข้อผิดพลาด

 

รวมถึงในกรณีที่ผู้ยื่นข้อเสนอเป็นผู้ที่ได้รับคัดเลือก แต่ไม่ดำเนินการ เช่น ลงนามสัญญาร่วมลงทุน หรือยื่นหลักประกันสัญญา ตามข้อ 57.1 ว่าด้วยหลักประกันสัญญาผู้ยื่นข้อเสนอที่ผ่านการประเมินข้อเสนอจะต้องวางหลักประกันสัญญาที่ออกโดยธนาคารให้กับรฟท. ในวันที่เข้าทำสัญญาร่วมลงทุนเป็นมูลค่าเท่ากับ 4,500 ล้านบาท เพื่อเป็นหลักประกันการปฏิบัติตามสัญญาร่วมลงทุนของเอกชนคู่สัญญา ซึ่งรวมถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเอกชนคู่สัญญาในส่วนของการพัฒนาโครงการเกี่ยวกับรถไฟ การให้บริการเดินรถและบารุงรักษาโครงการเกี่ยวกับรถไฟ การพัฒนาพื้นที่เพืสนับสนุนบริการรถไฟของโครงการ และการดำเนินกิจการทางพาณิชย์ตามที่กำหนดไว้ในสัญญาร่วมลงทุน โดยหลักประกันดังกล่าวต้องมีผลใช้ได้ตลอดระยะเวลาตั้งแต่วันที่ส่งมอบหลักประกันสัญญาจนกว่าจะสิ้นสุดระยะเวลาของโครงการ

ทั้งนี้ รฟท. จะคืนหลักประกันสัญญาเมื่อเอกชนคู่สัญญาพ้นจากข้อผูกพันตามสัญญาร่วมลงทุน โดยในการคืนหลักประกันสัญญาไม่ว่าในกรณีใดๆรฟท.จะคืนหลักประกันสัญญาโดยไม่ชำระดอกเบี้ยให้แก่เอกชนคู่สัญญา

หน้า 1 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3508 วันที่ 26-28 กันยายน 2562

ผ่าเงื่อนไขยึดหลักประกันประมูลไฮสปีด2พันล.