กสิกรไทย จ่อหั่นจีดีพีโตต่ำ 3% สงครามการค้ากดส่งออกติดลบหนัก

25 ก.ย. 2562 | 09:20 น.

กสิกรไทย เตรียมเฉือนจีดีพีรอบใหม่ มองโอกาสโตต่ำ 3% จากกรอบเดิม 3.1% พร้อมหั่นส่งออกติดลบจากเดิม 0% แนะใช้นโยบายการคลังช่วยพยุงเศรษฐกิจ-สร้างกำลังซื้อในประเทศ ชี้ มาตรการชิมช้อปใช้ แค่ช่วยประคอง-เลื่อนการใช้จ่าย มองกรอบเงินบาทแข็งค่า 30.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ย้ำลดดอกเบี้ยไม่ช่วยบาทอ่อน เหตุต่างชาติโยกลงทุนพันธบัตรระยะยาวแทน

 

นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ภายในสิ้นเดือนนี้ธนาคารจะมีการทบทวนอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) มีโอกาสที่จะขยายตัวต่ำกว่า 3% จากประมาณการเดิมอยู่ที่ 3.1% เป็นผลมาจากความไม่แน่นอนการเจรจาระหว่าสหรัฐฯ และจีนที่ไม่ลงรอย และมีแนวโน้มจะเลื่อนการเจรจาออกไปหลังจากมีการยื่นสอบสวนนายโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่การส่งออกก็มีการปรับลดลง จากเดิมมองอยู่ที่ 0% มีโอกาสติดลบ เพราะหากดูตัวเลขการส่งออก 8 เดือนแรกที่ออกมาติดลบกว่า 2%

 

อย่างไรก็ดี ตัวเลขการบริโภคมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น โดยปกติจะขยายตัวกว่า 3% อาจจะเติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากมาตรการรัฐที่มีการอัดฉีดวงเงินรวม 3.16 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการประคับประคองโดยการเพิ่มขึ้นยังไม่สามารถชดเชยการส่งออกที่ติดลบ ขณะที่การท่องเที่ยวคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจาก 38 ล้านคน มาเป็น 40 ล้านคน

 

“แนวโน้มเศรษฐกิจตอนนี้ยังเป็นหนังม้วนเดิม คือ เศรษฐกิจอันดับ 1 และ 2 ยังคงไม่ลงรอยกัน และมีโอกาสชะลอการเจรจาออกไป ดังนั้น ควรใช้นโยบายการคลังที่มีความยืดหยุ่นกว่านโยบายการเงินเข้ามาช่วย โดยเฉพาะการทบทวนมาตรการลดหย่อนภาษี เพราะมาตรการชิปช้อปใช้ แม้จะช่วยได้ แต่เป็นการเลื่อนกำลังซื้อให้เร็วขึ้น ไม่ได้สร้างกำลังซื้อถาวร ภาครัฐควรทำนโยบายที่ต่อเนื่องเพื่อจุดพลุให้ได้ประโยชน์ในระยะยาว โดยเฉพาะในมนุษย์เงินเดือนที่มีกว่า 4 ล้านคน ที่หากได้รับการกระตุ้นจะใช้เงินทันที”

 

กสิกรไทย จ่อหั่นจีดีพีโตต่ำ 3% สงครามการค้ากดส่งออกติดลบหนัก

 ส่วนทิศทางค่าเงินบาท มองว่า แนวโน้มยังคงแข็งค่า โดยกรอบค่าเงินบาทอยู่ที่ 30.00-31.00 บาทต่อดอลลาร์ฯ ค่ากลางอยู่ที่ 30.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ ซึ่งโอกาสแข็งค่าหลุด 30 บาทต่อดอลลาร์ฯ มีไม่ถึง 10% เนื่องจากไทยยังมีดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 7 เดือนแรกอยู่ที่ 1.89 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ จะเห็นว่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 7% ทำให้ส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) การส่งออกลดลงจาก 5% เหลือ 1.38% เมื่อเทียบกับเวียดนามมาร์เก็ตแชร์เพิ่มขึ้นเป็น 1.5%

กสิกรไทย จ่อหั่นจีดีพีโตต่ำ 3% สงครามการค้ากดส่งออกติดลบหนัก

อย่างไรก็ดี การลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยให้บาทอ่อนค่านั้น แม้ตามทฤษฎีจะช่วย แต่จะต้องดูว่าเงินไหลเข้ามาจากช่องทางไหน ซึ่งที่ผ่านมาธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดวงเงินประมูลพันธบัตรระยะสั้นในเดือนกรกฎาคม หากดูวงเงินการถือครองของต่างชาติลดลงมาเหลือ 6.1 หมื่นล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 1.07 หมื่นล้านบาท แต่หากดูการถือครองพันธบัตรระยะยาวสูงถึง 8.9 แสนล้านบาท เนื่องจากอัตราผลตอบแทน (Yield) พันธบัตรระยะยาวเท่ากับระยะสั้น ทำให้หันไปถือครองพันธบัตรระยะยาว ดังนั้น การลดดอกเบี้ยจึงเป็นดาบ 2 คม จึงต้องดูโครงสร้างอัตราดอกเบี้ยด้วย

 

“ครั้งที่แล้วที่ธปท.ลดดอกเบี้ย จะเห็นว่าบาทอ่อนไปแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ส่วนเงินทุนไหลก็ยังไหลเข้ามา ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลเหมือนเดิม 7 เดือนอยู่ที่ราว 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ เงินไหลเข้ามากกว่าไหลออก หากคนที่ต้องการลงทุนตอนนี้ จะเป็นการลงทุนในหุ้นปันผล เพราะพันธบัตร 10 ปี ดอกเบี้นอยู่ที่ 1.48% ซึ่งทำให้หุ้นปันผลน่าสนใจ”