ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดเมื่อคืนนี้ ( 24 กันยายน ) ปิดลดลง 142.22 จุด หรือ -0.53% ปิดที่ 26,807.77จุด ดัชนี S&P500 ลดลง 25.18 จุด หรือ- 0.84% ปิดที่ 2,966.60 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 118.84 จุด หรือ -1.46% ปิดที่ 7,993.63 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 142 จุดหลุด 27,000 จุด ท่ามกลางความปั่นป่วนทางการเมืองในสหรัฐ หลังประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเตรียมออกแถลงการณ์เกี่ยวกับการถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีการติดต่อกับรัฐบาลต่างชาติเพื่อให้มีการแทรกแซงการเลือกตั้งในสหรัฐ
นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่าตนจะออกแถลงการณ์ในวันนี้เกี่ยวกับการถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง
ทั้งนี้ สื่อรายงานว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้กดดันนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน เพื่อให้มีการสอบสวนนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ และนายฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายของเขา
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ได้สั่งระงับการให้งบช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนจำนวนราว 400 ล้านดอลลาร์ในช่วง 1 สัปดาห์ก่อนที่เขาจะโทรศัพท์ติดต่อนายเซเลนสกี โดยมีการมองกันว่า ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังใช้งบช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐเพื่อกดดันนายเซเลนสกีให้มีการสอบสวนนายไบเดน และบุตรชาย
นอกจากนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้กล่าวหานายไบเดนและบุตรชายว่าได้ทำการคอร์รัปชั่น โดยระบุว่านายไบเดนพยายามใช้ตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐในการช่วยเหลือบุตรชาย โดยพยายามมิให้เจ้าหน้าที่ยูเครนตรวจสอบบริษัทแห่งหนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับนายฮันเตอร์
อย่างไรก็ดีประธานาธิบดีทรัมป์ยอมรับว่า เขาได้โทรศัพท์ไปยังนายเซเลนสกีในเดือนกรกฏาคมแต่ปฏิเสธว่าไม่ได้มีการกดดันผู้นำยูเครน
สำหรับนายไบเดนเป็นหนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และถือเป็นคู่แข่งคนสำคัญของประธานาธิบดีทรัมป์ หากประธานาธิบดีทรัมป์ประสบความสำเร็จในการสกัดนายไบเดนออกจากการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ประธานาธิบดีทรัมป์มีแนวโน้มสูงที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอีกสมัย
นอกจากนี้ตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงในเดือนกันยายน โดยผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐลดลงสู่ระดับ 125.1 ในเดือนกันยายนซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดในรอบ 9 เดือน และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 133.5 จากระดับ 134.2 ในเดือนสิงหาคม
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจมุมมองของผู้บริโภค และความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และในช่วง 6 เดือนข้างหน้า, สถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน