โทษข้าวลักลอบค้าง 4 พันตัน ฉุดราคาข้าวเหนียวร่วง!

สถานการณ์ข้าวเหนียวพลิกผัน จากราคาสูงเป็นประวัติการณ์คืนสู่สามัญ แฉข้าวลักลอบนำเข้าจากเวียดนามค้างสต๊อกในไทยรวมกว่า 4,000 ตัน ขณะผลผลิตในประเทศเริ่มออกมามาก ผสมโรงกดราคาร่วง โรงสีชะลอซื้อรอราคาต่ำสุด

แหล่งข่าวจากสมาคมโรงสีข้าวไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ขณะนี้สถานการณ์ราคาข้าวเหนียวในไทยพลิกผันอย่างมาก เนื่องจากผลผลิตข้าวเหนียวในภาคเหนือเริ่มออกสู่ตลาดแล้ว ขณะที่ผลผลิตข้าวเหนียวทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ(อีสาน)ก็เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่สัปดาห์นี้ ประกอบกับมีการลักลอบนำเข้าข้าวเหนียวจากเวียดนามเข้ามาเพื่อเก็งกำไรในช่วงที่ข้าวเหนียวไทยมีราคาสูง และเมื่อผลผลิตข้าวไทยออกมาสู่ตลาดจึงส่งผลให้ข้าวจากเวียดนาม(ข้าวเปลือก)ตกค้างเหลืออยู่ในไทยจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าน่าจะประมาณ 4,000 ตัน จึงทำให้ราคาข้าวเหนียวของไทยมีแนวโน้มลดต่ำลงเรื่อย ๆ ตามภาวะของตลาดโดยขณะนี้ราคาข้าวเปลือกเหนียวอยู่ที่กิโลกรัม(กก.)ละ 16.50-17 บาท(16,500-17,000 บาทต่อตัน) จากก่อนหน้านี้อยู่ที่ 20-21 บาทต่อ กก.(20,000-21,000 บาทต่อตัน) ขณะที่ข้าวสารเหนียว ลดลงมาเหลือ กก.ละ 34-35 บาท(34,000-35,000 บาทต่อตัน)จากเดิมที่เคยสูงถึงกก. 44-50 บาท (44,000-50,000 บาทต่อตัน)

แหล่งข่าวระบุอีกว่าขณะนี้ผู้ประกอบการโรงสีต่าง ๆ ในภาคอีสานได้ชะลอการรับซื้อข้าวเปลือกเหนียว แม้ข้าวเปลือกเหนียวจะมีแนวโน้มราคาลดลงแต่ก็ไม่กล้าซื้อเก็บในสต๊อก เพราะยังถือว่าสูงอยู่เพราะปกติราคาข้าวเปลือกเหนียวจะราคาไม่เกินกก.ละ 11 บาท(ตันละ 11,000 บาท) แต่ขณะนี้อยู่ที่ 16.50-17 บาทต่อกก.(16,500-17,000 บาทต่อตัน) ยังถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์ ดังนั้นผู้ประกอบการจึงขอดูแนวโน้มผลผลิตต่ออีกสักระยะก่อน เพราะมั่นใจว่าปีนี้ผลผลิตข้าวเหนียวจะค่อนข้างสูง และราคาจะลดลงอีก สาเหตุที่ผลผลิตสูงจากมีฝนตกลงมาในช่วงนี้ ทำให้นาข้าวในที่ดอนที่ก่อนหน้านี้ประสบกับปัญหาฝนทิ้งช่วง กลับมาได้ผลดีอีกครั้ง และออกผลผลิตทันตามฤดูกาล ซึ่งถือว่าเป็นเหตุการณ์ปกติ เมื่อผลผลิตออกมามากราคาก็จะลดลง

ส่วนการผลิตข้าวเหนียวธงฟ้าที่กรมการค้าภายใน ( คน.) สั่งให้ผลิตข้าวเหนียวถุงธงฟ้าไปเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้บริโภคล็อตแรก ปริมาณ 300 ตัน ในช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมานั้น ไม่เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว เพราะราคาจำหน่ายก็ใกล้เคียงกับราคาในปัจจุบันคือ กก.ละ 34-35 บาท และเห็นว่ากรมการค้าภายในไม่ควรผลิตเพิ่มอีก ทางที่ดีคือควรปล่อยให้ราคาสินค้าโดยเฉพาะข้าวเป็นไปตามกลไกตลาด