ปั๊มโปรเจ็กต์นํ้าดี ดูดคนศักยภาพ ยํ้า ‘KBANK’ ไม่เลย์ออฟ
ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกดิสรัปชัน ที่สถาบันการเงินได้รับผลกระทบรุนแรง จนมีหลายที่ต้องเลย์ออฟพนักงาน แต่แม่ทัพหญิงแห่งเคแบงก์ “ขัตติยา อินทรวิชัย” กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ยืนยันว่า “เราจะไม่ลดคน และเราพร้อมที่จะรีสกิลคนที่พร้อมจะไปกับเราทั้งหมดแน่นอน” นี่คือคำยืนยันจากปากผู้บริหารท่านนี้
แน่นอน “คน” คือ หัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจ องค์กรจะเดินหน้าไปได้ ก็อยู่ที่คนนี่แหละ เพราะฉะนั้น การลดคนจึงไม่เป็นชอยส์ที่แม่ทัพแห่งเคแบงก์เลือกใช้
สิ่งที่ “ขัตติยา” ใช้เป็นกลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร คือ การ “Reskill” เพราะฉะนั้นจะเห็นโปรเจ็กต์มากมายของเคแบงก์ เกี่ยวกับการพัฒนาคนในองค์กร และขณะนี้ได้ขยายวงไปสู่คนไทย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของประเทศ โดยล่าสุดได้จับมือกับ เอไอเอส บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) เทงบกว่า 100 ล้านบาท จัดตั้ง The Stanford Thailand Research Consortium สนับสนุนงานวิจัย มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด โดยมี เอสอีเอซี (SEAC)เป็นผู้ดูแลและสนับสนุนการดำเนินการหัวข้อวิจัยที่ครอบคลุม 4 มิติองค์ความรู้เพื่ออนาคต ได้แก่ 1.การยกระดับความสามารถของคนไทยให้เท่าทันโลก 2.การนำเทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์มาพัฒนาธุรกิจและเศรษฐกิจไทย 3.เสริมสร้างมาตรฐานคุณภาพชีวิตของคนไทยให้สูงขึ้นอย่างยั่งยืน และ 4.ส่งเสริมการพัฒนาสังคมเมืองที่คิดถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
การร่วมมือครั้งนี้ “ขัตติยา” บอกว่า เป็นการนำความรู้ความสามารถระดับอินเตอร์มาใช้ และทำใน 2 ส่วนคือ “Do Good” และ “Do Well”
Do Good คือ ทำให้ประเทศดี ส่วน Do Well คือ หวังว่าบริษัทจะ Do Well เพราะธุรกิจเปลี่ยนแปลงและขับเคลื่อนเร็วมาก
โปรเจ็กต์นี้มีระยะเวลา 5 ปี มันช็อตเทอมมาก กว่าจะใช้ผล 5 ปี ในช็อตเทอมของเชิงธุรกิจ มันไม่ได้สร้างรายได้เยอะ วันนี้เราจึงโฟกัสที่ Do Good คือ ทำให้ประเทศก่อน อย่างโครงการ Nan Sandbox ที่จังหวัดน่าน ทำเรื่องสิ่งแวดล้อม ป่า นํ้า พัฒนาไปสู่การทำให้คนไทยมีความเป็นอยู่ที่ดี และอีกเรื่องคือ จุฬาฯแคร์ ที่ดูแลสุขภาพผู้สูงวัย
ส่วนเรื่องของธุรกิจ มีการทำหลายโปรเจ็กต์มาก เช่น การดูว่าจะนำเทคโนโลยี นำบล็อกเชนมาใช้อย่างไร และการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด การทำงานวิจัยวิเคราะห์ไปถึงอนาคตมองดักทางไปข้างหน้าเลยว่า มันจะเกิดอะไรขึ้น และเราต้องปรับตัวอย่างไร เตรียมพร้อมอย่างไร
อีกโปรเจ็กต์คือ อินโนเวชั่น ทำยังไงเคแบงก์จึงจะช่วยสตาร์ตอัพที่เราดูแลอยู่ สามารถเติบโตไปได้ จะต้อง groom เขาอย่างไร นำโปรดักต์ที่เขาผลิตขึ้นมาต่อยอดได้อย่างไร
จริงๆ เคแบงก์ มี KASIKORN Business – Technology Group (KBTG) บริษัทในเครือ ที่มุ่งเน้นคิดค้นนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเฉพาะนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ (Fintech) แต่ถ้า KBTG ทำวิจัยเองอย่างเรื่อง Face Recognition ก็จะมีตัวอย่าง 3-4 พันตัวอย่าง แต่ถ้ามีมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเข้ามาเสริม ก็น่าจะได้ตัวอย่างที่เพิ่มขึ้น มีการวิเคราะห์มากขึ้น ทำให้ได้ผลที่แม่นยำมากขึ้น
ทั้งหมดของความร่วมมือกับพันธมิตร และการสร้างโปรเจ็กต์ต่างๆ ในการพัฒนาบุคลากร คือส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนองค์กรไปข้างหน้า และแนวทางการแก้ปัญหา Talent War
“เราไม่ได้ตอบแทนผู้ถือหุ้นอย่างเดียว เราต้องตอบแทนสังคมด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วมันเป็นเทรนด์ของอินเตอร์เหมือนกัน เราไม่สามารถทำมาหากินคนเดียว โดยไม่ดูแลสังคม มันต้องตอบโจทย์ เรื่องของความยั่งยืน”
นั่นคือแนวทางการแก้ปัญหา ของเรายังเป็นเรื่องคน ปัญหาเรื่อง Talent war หรือการแย่งชิงบุคลากร ที่ดุเดือดเข้มข้นมาก
ความพยายามที่ไม่เกี่ยวกับบิสิเนสอย่างเดียว เช่น การทำ The Stanford Thailand Research Consortium ถือเป็นกลยุทธ์หนึ่ง ที่จะช่วยดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมงานกับเคแบงก์ เพราะคนรุ่นใหม่เขามองเรื่องของการตอบแทนสังคม ชีวิตเขา ไม่ได้มองแค่มีรายได้ การที่เคแบงก์มีโปรเจ็กต์ดีๆ และท้าทาย จะทำให้ดึงคนเก่งๆ เข้ามาได้
“เราอยากเป็นองค์กรที่พาทุกคนไปด้วยกัน เราต้องก้าวนำการเปลี่ยนแปลง ไปดักทางการเปลี่ยนแปลง และใช้เทคโนโลยีมาตอบโจทย์ เราจะพาคนของเราและคนที่พร้อมไปกับเราไปด้วยกัน และใช้เทคโนโลยีมาทำให้เขาใช้ชีวิตได้ดีขึ้น”
“ขัตติยา” ทิ้งท้ายว่า อยากเดินหน้าองค์กรไปให้ได้เร็วกว่านี้ แต่สิ่งที่ยังขาดและต้องการมากๆ คือ “คน” พร้อมกับยํ้าอีกครั้งว่า เรื่อง Reskill เป็นเรื่องสำคัญมากๆ พนักงานกลุ่มที่จะถูกกระทบ และน่าจะเปลี่ยนแปลงไปได้มีค่อนข้างมาก ส่วนกลุ่มที่ไม่แน่ใจว่าจะถูกกระทบ ก็ต้องดูว่า เขาพร้อมจะไปกับเราหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ คือ... เราจะไม่ลดคน และเราพร้อมที่จะ Reskill คนที่พร้อมจะไปกับเราทั้งหมดแน่นอน
หน้า 21 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,508 วันที่ 26 - 28 กันยายน พ.ศ. 2562
