กุญแจ 3 ดอกติดปีกไทยสู่อุตฯอากาศยาน

24 ก.ย. 2562 | 02:35 น.

เฮกซากอนเมโทรโลจีชี้อุตสาหกรรมอากาศยานโตเร็วสุดในกลุ่ม  ด้านสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ระบุจะเข้าสู่การแข่งขันในตลาดทั่วโลกได้ ต้องคำนึงถึงมาตรฐานทางคุณภาพ พร้อมแนะนำ 3 ข้อก้าวสู่ตลาดมูลค่าสูง   

กุญแจ 3 ดอกติดปีกไทยสู่อุตฯอากาศยาน

                นายเปรม  เพทซ  ผู้จัดการฝ่ายขายแผนก PCMM บริษัท เฮกซากอนเมโทรโลจี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมอากาศยานเป็นอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะโตเร็วที่สุดในกลุ่มอุตสาหกรรมแห่งอนาคต โดยด้านการผลิตและซ่อมบำรุงคาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ 3.4% ขณะที่ด้านการขนส่งทางอากาศคาดว่าจะเติบโต 2.8% การผลิตชิ้นส่วนเครื่องบิน  จึงเป็นอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง การลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินเป็นการลงทุนที่มีมูลค่าสูง เนื่องจากเครื่องบินถือเป็นระบบขนส่งที่มีความปลอดภัยสูงสุด ต้องการความแม่นยำในการผลิตที่สูงในทุกกระบวนการ และผ่านการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานระดับโลก

กุญแจ 3 ดอกติดปีกไทยสู่อุตฯอากาศยาน

ทั้งนี้  การลงทุนในด้านเทคโนโลยีการผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินที่ได้มาตรฐานถือเป็นข้อคำนึงที่สำคัญที่สุดของผู้ประกอบการที่พร้อมจะก้าวเข้ามาคว้าโอกาสจากอุตสาหกรรมมาแรงนี้ การผลิตเครื่องบิน เครื่องยนต์ และชิ้นส่วนอะไหล่ที่ใช้ในอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบิน ล้วนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของการผลิตเครื่องบินทุกลำ และจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานอย่างละเอียด

นายลทธพล จารุวัฒนวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านมาตรวิทยา สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์  กล่าวว่า การที่ภาคอุตสาหกรรมไทยจะเข้าสู่การแข่งขันในตลาดทั่วโลกได้ สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงคือ มาตรฐานทางคุณภาพ เพราะมาตรฐานการผลิตเป็นตัวกำกับว่าสินค้าจากบริษัทนั้นๆ สามารถเข้าไปแข่งขันในตลาดระดับใดได้บ้าง ยิ่งสินค้าผ่านเกณฑ์ในมาตรฐานระดับสากล ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสที่สินค้านั้นๆ จะเข้าไปตีตลาดที่กว้างยิ่งขึ้น ดังนั้น การที่ผู้ประกอบการมุ่งยกระดับเทคโนโลยีการผลิตเพื่อหวังแข่งขันในตลาดที่ใหญ่ขึ้น จำเป็นต้องอ้างอิงมาตรฐานสากลเป็นหลัก ในทุกการลงทุนซื้อ หรืออัปเกรดเครื่องมือเครื่องจักร

กุญแจ 3 ดอกติดปีกไทยสู่อุตฯอากาศยาน

อย่างไรก็ดี  ในปัจจุบันกว่า 50% ของโรงงานผลิตไทย ยังใช้มาตรฐานการผลิตในโลกยุคเก่า หรือมาตรฐานที่ต่ำกว่า ISO 2010 ซึ่งถือเป็นระดับมาตรฐานที่สามารถใช้อ้างอิงได้ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความสามารถแข่งขันของผลิตภัณฑ์เหล่านั้น ที่ยังคงย่ำอยู่ในตลาดเดิมๆ อีกทั้งเผชิญกับคู่แข่งในระดับมาตรฐานเดียวกันจำนวนมาก สำหรับผู้ประกอบการที่เล็งเห็นโอกาสในการก้าวเข้าสู่การแข่งขันในตลาดที่มีมูลค่าสูงกว่า มีข้อแนะนำ 3 ข้อ ประกอบด้วย

กุญแจ 3 ดอกติดปีกไทยสู่อุตฯอากาศยาน

1.หมั่นอัปเกรดและรักษามาตรฐานการผลิต ปัจจุบันมาตรฐานการผลิตแห่งชาติและสากลมีอยู่หลายระบบ อาทิ ISO/IEC DAkks NATA เป็นต้น ในทุกโรงงานการผลิตจะต้องมีการอ้างอิงระบบมาตรฐานอย่างน้อยหนึ่งระบบ โดยการสอบเทียบเพื่อให้ได้ใบรับรองคุณภาพการผลิต และสามารถนำสินค้าเข้าแข่งขันในตลาดได้ นอกจากการได้มาซึ่งมาตรฐานการผลิตแล้ว ผู้ผลิตยังต้องรักษาและควบคุมมาตรฐานการผลิตให้เป็นไปตามเกณฑ์อยู่เสมอ เพื่อคุณภาพและความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์

2.เข้าสู่การผลิตแบบยืดหยุ่น (flexible manufacturing system) รูปแบบการผลิตของโรงงานไทยส่วนใหญ่ยังคงติดกับดักการรับจ้างผลิตเพื่อตอบสนองออร์เดอร์จำนวนมาก ในราคาถูก ในขณะที่ความต้องการของตลาดปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไป สินค้าบางชนิดมีปริมาณการสั่งผลิตที่น้อยลง แต่มีมูลค่าสูงมาก เช่น หุ่นยนต์เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ชิ้นส่วนโดรนที่มีคุณสมบัติพิเศษ ตลอดจนการผลิตในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต  ผู้ผลิตไทยจึงจำเป็นต้องเข้าสู่การผลิตแบบยืดหยุ่น หรือการผลิตเพื่อรองรับออร์เดอร์จำนวนน้อย หลากหลายรูปแบบ เพื่อคว้าโอกาสในการรับออร์เดอร์งานจากการผลิตในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

กุญแจ 3 ดอกติดปีกไทยสู่อุตฯอากาศยาน

3.สร้างแบรนด์ดิ้งสู้ตลาดโลก นอกจากคุณภาพการผลิตที่ได้มาตรฐาน และความสามารถในการปรับตัวไปสู่การผลิตแบบยืดหยุ่น ผู้ประกอบการไทยยังต้องเร่งสร้างการรับรู้ และชื่อเสียงของแบรนด์ไปพร้อมกัน อาทิ การพบปะกลุ่มลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจ การแลกเปลี่ยนข้อมูลที่น่าสนใจในการยกระดับเทคโนโลยี นวัตกรรม การนำเสนอสินค้า บริการที่น่าสนใจ ตามโอกาสในงานประชุม สัมมนา งานจัดแสดงสินค้าและนวัตกรรมที่น่าสนใจ เป็นต้น เพื่อให้ภาคการผลิตไทยก้าวทันคู่แข่งต่างชาติ ทั้งในแง่คุณภาพ และการเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก

อย่างไรก็ตาม  แนวทางการยกระดับภาคการผลิตที่เหมาะสมกับประเทศไทยคือการลงทุนด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตจากต่างชาติ เพื่อนำมาเรียนรู้และปรับใช้ให้เหมาะสมกับรูปแบบการผลิต (Copy & Research) จากนั้นจึงทำการวิจัย และพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีต่างๆ ให้เกิดเป็นองค์ความรู้ของประเทศ