ไขปม 'เอเพ็ก'เซ่นพิษเทรดวอร์ แทบล้มทั้งยืน

22 ก.ย. 2562 | 10:08 น.

 

คอลัมน์ ถอดสูตรคุย โดย บรรทัดเหล็ก

กลายเป็นข่าวครึกโครมเมื่อ อาณาจักรหมื่นล้านของ บริษัท เอเพ็กเซอร์คิต(ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ประกอบกิจการผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ลูกจ้างกว่า 6 พันคน ประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินอย่างหนัก  จากพิษสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา ทำให้ยอดคำสั่งซื้อลดลง จนบริษัทต้องใช้มาตรการลดจำนวนการผลิตและเลิกจ้างลูกจ้างพนักงานที่ยังไม่ผ่านการทดลองงาน ในโรงงานในนิคมสินสาคร ล็อตแรก 218 คน

นายศราวุธ ครุธแก้ว ผู้จัดการอาวุโส ชี้แจงว่า สภาวะเศรษฐกิจโลกและสงครามทางการค้า ระหว่างประเทศมหาอำนาจจีนกับอเมริก และญี่ปุ่นกับเกาหลี ส่งผลกระทบโดยตรงกับบริษัทฯ ที่เป็นอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ โดยไม่สามารถหลบเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ได้ จึงทำให้บริษัทฯ จำเป็นต้องมีการปรับลดกำลังพนักงานเข้าใหม่ที่ยังไม่ผ่านทดลองงานในการผลิตลง ไม่ใช่การปลดหรือจ้างพนักงานเก่าออกตามความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน

ไขปม 'เอเพ็ก'เซ่นพิษเทรดวอร์ แทบล้มทั้งยืน

บริษัท เอเพ็กเซอร์คิต(ไทยแลนด์) จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเพื่อประกอบธุรกิจผลิตแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย เมื่อวันที่  27 กันยายน 2544 หรือเมื่อ 18 ปีที่แล้ว ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 1,438 ล้านบาท โดยมีผู้ถือห้นใหญ่เป็นชาวจีนฮ่องกงที่ไปจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทที่หมู่เกาะเคย์แมน เพื่อเข้ามาลงทุนในไทยอีกทอดหนึ่ง

คณะกรรมการบริษัท ประกอบด้วย นายหวัง ซู่ มู่ นายโจว ล่วย เสียง นายกรีกอรี่ ลูซีนี่ น.ส.มลิวรรณ ชินวรกิจกุล นายเจษฎาวัฒน์ เพียบจริยวัฒน์ ผู้คว่ำหวอดในแวดวงการการเงิน โดยมีนายหวัง ซู่ มู่ และนายโจว ล่วย เสียง เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม

ไขปม 'เอเพ็ก'เซ่นพิษเทรดวอร์ แทบล้มทั้งยืน

ปัจจุบันบริษัทมีโรงงาน 2 แห่ง โดยแห่งแรกตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร ต.บางกระเจ้า อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร มีลูกจ้าง 2,977 คน และแห่งที่ 2 ในนิคมอุตสาหกรรมสินสาคร ต.โคกขาม อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร มีลูกจ้าง 3,208 คน

ถ้าดูจากฐานะการเงิน ณ สิ้นปี 2561 แทบไม่มีใครเชื่อว่า “เอเพ็กเซอร์คิต” จะประสบกับปัญหาสภาพคล่องอย่างหนัก เพราะบริษัทแห่งนี้มีสินทรัพย์รวมสูงถึง  12,544.37 ล้านบาท ขณะที่หนี้สินรวมอยู่ที่ 5,620.86 ล้านบาท

เมื่อพลิกผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี ตั้งแต่ปี 2559-2561 ก็มีผลการดำเนินงานที่เป็นบวก มีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2559 มีรายได้รวม 9,434.639 ล้านบาท กำไรสุทธิ 362.32 ล้านบาท ปี 2560 รายได้รวม 11,700.58 ล้านบาท กำไรสุทธิ 92.787 ล้านบาท และปี 2561 รายได้รวม 12,096.07 ล้านบาท กำไรสุทธิ 930.67 ล้านบาท

 

อย่างไรก็ตามหากดูจากตัวเลขอัตราการใช้กำลังการผลิตในอุตสาหกรรมการผลิตแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์กลับพบสัญญาณชะลอตัวอย่างชัดเจนมาตั้งแต่ปี 2561 ที่อัตราการใช้กำลังการผลิตลดลงจาก 69.91% ในปี 2559 ลงมาเหลือ 63.12% ในปี 2561 ตัวเลขล่าสุดในเดือนกรกฎาคมอัตราการใช้กำลังการผลิตเหลือ 59.52%

แปลง่ายๆคือโรงงาน โรงงานหนึ่งปกติจะผลิตของได้ 100 ชิ้น วันนี้ผลิตได้ไม่ถึง 60 ชิ้น เพราะคำสั่งซื้อสินค้าไม่มี จึงต้องลดการผลิตลงมาให้สอดคล้องกับคำสั่งซื้อ ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อโรงงานผลิตของน้อยลง การจ้างคนงานก็ย่อมน้อยลงตามไปด้วย

สอดคล้องกับยอดการส่งออกสินค้าในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงสิงหาคมที่ผ่านมา ร่วงลงอย่างหนักถึง 11.04% เกือบ 1 แสนล้านบาท จากมูลค่าส่งออก 819,426.9 ล้านบาทในปี 2561 เหลือ 728,930.2 ล้านบาทในปีนี้

ถึงจุดนี้พอจะเห็นคำตอบของคำถามที่ว่า พิษของสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ทำให้อาณาจักรหมื่นล้านของ “เอเพ็กเซอร์คิต” แทบล้มทั้งยืน?