เจ้าพ่ออุ้มรถตู้ 4แสนคัน เลิกคำสั่งซื้อใหม่มาขนคน

21 ก.ย. 2562 | 17:00 น.

คอลัมน์ข่าวห้ามเขียน ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3507 หน้า 20 ระหว่างวันที่ 22-25 ก.ย.2562 โดย... พรานบุญ

 

เจ้าพ่ออุ้มรถตู้

4แสนคัน

เลิกคำสั่งซื้อใหม่มาขนคน

               

          เสียงบีบแตรแปร๊นๆ ของบรรดารถตู้สาธารณะที่กระจายขนส่งประชาชนตามจุดต่างๆ กว่า 1.8 หมื่นคัน และรถตู้ไม่ประจำทางอีก 2.4 หมื่นคัน ดังสนั่นไปทั้งถนนหลวงยันราชดำเนิน จนป่าใหญ่สะเทือนไปด้วยเสียงที่อื้ออึง ปลุกเก้ง กวาง บ่าง ชะนี อีเห็นที่หลับไหลให้งัวเงียขึ้นมาขยี้ตาเบิ่งดู หูผึ่ง

          พรานฯลุกขึ้นมาส่องดูจึงรู้ว่า เป็นการบีบแตรเรียกขวัญกำลังใจให้กับ “พระยาเหยียบนา” ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่กล้าออกมาปิดสวิตช์ดึงกุญแจออกจากรถตู้สาธารณะ หรือรถตู้โดยสาร ที่ พีระพล ถาวรสุภเจริญ อดีตอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ผู้ถูกย้ายไปเป็นรองปลัดกระทรวง ประกาศให้รถตู้อายุ 10 ปีนำร่องรวม 1,900 คัน เปลี่ยนมาเป็นไมโครบัส หรือรถโดยสารขนาดเล็กแทน

          นำร่องในเส้นทาง หมวด 2 กรุงเทพฯ-ต่างจังหวัดทุกเส้นทาง 937 คัน รถหมวด 3 ที่วิ่งให้บริการระหว่างจังหวัดกับจังหวัด 238 คัน ให้เปลี่ยนหมดเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป

          แต่ถึงตอนนี้ “ศักดิ์สยาม” ประกาศชัดให้ว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงรถตู้ในทันที แต่ให้เป็นไปด้วยภาคสมัครใจ

          ก่อนจะแต่งตั้ง จิรุตม์ วิศาลจิตร รองปลัดกระทรวง ไปกำกับนโยบายในตำแหน่งอธิบดีกรมการขนส่งทางบก แทนที่ “พีระพล”

          นังบ่างบอกว่า เรื่องนี้กลายเป็น ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ กันอยู่ในย่าน “JJ” เพราะนโยบายดังกล่าวเท่ากับเป็นการเอาใจรถตู้โดยสารที่ไม่มีความปลอดภัย และไม่รองรับเรื่องการโดยสารสาธารณะร่วมกว่า 4 หมื่นคัน โดยละเลยถึงความปลอดภัยของผู้โดยสาร

          อีเห็นยุว่า “ลองให้เป็นความสมัครใจรับประกันไม่มีผู้ใดเปลี่ยนแน่นอน” เพราะจะกระทบกับรายจ่ายและการลงทุน อย่าลืมว่ารถตู้ 1 คันที่จัดมาเป็นรถโดยสารจุคนได้ 12-13 ที่นั่งนั้นราคาตั้งแต่ 1.2-1.5 ล้านบาท จะมีแมวที่ไหนยอมเปลี่ยน!

          นังบ่างยุต่อว่า นโยบายลักปิดลักเปิดที่เกิดขึ้น เป็นเพราะนายกสมาคมรถตู้ต่างจังหวัดที่มีสมาชิกกว่า 5,000 คน บุกไปพบเสนาบดีและเรียกร้องขอว่า ถ้าให้เปลี่ยนเป็นไมโครบัสทันที เจ้าของรถตู้จะเดือดร้อนและอาจไปเข้าทางเจ้าของรถดัดแปลงรายใหญ่ที่เตรียมการจัดรถไว้ 10,000 คัน ออกมาขายคันละ 2.2-2.5 ล้านบาท จุผู้โดยสาร 22-23 ที่นั่งและอาจไปเอื้อประโยชน์ก้อนโตให้กับกลุ่มที่นำเข้ารถไมโครบัสจากจีน มาดัดแปลงขายในราคา 1.6-2 ล้านบาท

          ก่อนจะนำมือถือมากดตัวเลขปรื้ดเดียวให้เห็นว่ารถตู้ที่มีอยู่ 1.6-2 ล้านคัน ถ้าทยอยเปลี่ยนเป็นไมโครบัสหมด เท่ากับว่าจะมียอดขายที่เป็นรายได้ของคนกลุ่มนี้ไม่น้อยกว่า 3.5-4 หมื่นล้านบาท นโยบายแบบนี้ต้องมีคนได้และมีคนเสียแน่นอน...

          นั่นจึงเป็นที่มาของนโยบายไม้เด็ด ด้วยการขยายอายุรถตู้ออกไปจาก 10 ปี เป็น 12 ปี และเปิดหวูดให้วิ่งด้วยความเร็วจาก 90 กม./ชม. เป็น 120 กม./ชม....เจ๋งจริง

          แม้ศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย ภาควิชาวิศวกรรมขนส่ง คณะวิศวกรรมและเทคโนโลยี สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย จะออกมาคัดค้านว่าขอให้ฟังเสียงประชาชนส่วนใหญ่ ที่ชีวิตต้องขึ้นอยู่กับการเดินทางด้วยรถตู้โดยสารสาธารณะที่อันตรายก็ไร้ผล

          รัฐมนตรีศักดิ์สยามบอกว่า สถิติอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นพบว่า 80% มาจากคนขับ มิใช่รถตู้! ทั้งๆ ที่สถิติปี 2559 รถตู้คือกลุ่มที่เกิดอุบัติเหตุมากสุด 215 ครั้ง เสียชีวิต 103 คน

          อีเห็นบอกว่า เรื่องผลประโยชน์ของเจ้าของรถตู้มิธรรมดา ขนาดว่าเจ้าพ่อใหญ่หนวดงามแห่งภาคกลาง ที่เป็นพี่ใหญ่ในขบวนการธุรกิจรถตู้โดยสาร จากกระจายเงินกู้ออกไปให้กับผู้คนที่ขับรถตู้กว่า 4,000 คัน ยังออกแรงล็อบบี้เอง อ้างว่า รถตู้ที่มีอยู่ทั่วประเทศกว่า 4 หมื่นคัน เป็นรถตู้สาธารณะ 1.6-2 หมื่นคันนั้นจะเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า...

          ก่อนจะชี้เปรี้ยงลงไปว่า ถ้าทำตามนโยบายกรมการขนส่งทางบกกำหนดอายุรถตู้โดยสารประจำทางไม่เกิน 10 ปี และถ้าจดทะเบียนใหม่ต้องเปลี่ยนเป็น “มินิบัส-ไมโครบัส” แทน จะเข้าทางไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ และกลุ่มน้องใหม่ที่นำเข้ารถมินิบัสมาขายคันละ 1.3-1.9 ล้านบาทแน่นอน

          นี่จึงเป็นที่มาของการบีบแตรของขบวนการรถตู้โดยสารดังสนั่น เพราะไม่ต้องควักเงินมาซื้อรถมินิบัสคันละ 1.2-1.5 ล้านบาท ออกมาขับแทนที่รถตู้เดิมที่ไม่ต้องจ่ายเงิน ลองคิดดูหากต้องเปลี่ยนแค่ 1,900 คันนำร่องเงินก้อนโตร่วม 3,500-4,000 ล้านบาท จะกระจายไปตกอยู่ในมือใคร

          ขบวนการใหญ่ที่คุมวินรถตู้จึงวิ่งพล่านไปทั่วทั้งจตุจักรยันราชดำเนินส่งเสียงไชโยโห่ฮิ้ว...สนั่น เฉพาะอนุสาวรีย์นั่น 800 คิว จตุจักรก็ตก 150 คิว มีนบุรีตก 500 คิว ปิ่นเกล้าอีกกว่า 150 คิว ที่ตีปีกพั่บๆ

          การเมืองที่คิดถึงประชาชนกับการเมืองที่คิดถึงคะแนนเสียงต่างกันตรงนี้ละพ่อพรานฯเอ๋ย...สงสารผู้โดยสารที่ใช้บริการวันละนับล้านคนที่ถูกละเลย แต่กลับไปโอบอุ้มรถตู้ที่จดทะเบียนสะสมไว้ 4 แสนคันไม่ต้องควักเงินมาทำมาหากิน..ข้าละเหี่ยใจ...นังบ่าง ทิ้งทุ่นให้ขบคิด...

          นี่คือเรื่องจริงที่ไม่ใช่อิงนิยาย!