กสิกรไทยจ่อโยกสำรองส่วนเกิน โป๊ะหนี้เน่าธุรกิจ

20 ก.ย. 2562 | 11:10 น.

กสิกรไทย จ่อโยกสำรองส่วนเกินมา ตั้งสำรองรายใหญ่-เอสเอ็มอี ปิดความเสี่ยง รับมาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 คาดทบทวนพอร์ตธุรกิจเสร็จในปีนี้ ชี้พยายามรักษาสำรองอยู่ที่ 130% หลังธปท.อนุญาตฝ่ายจัดการประเมินความเสี่ยงเครดิตในอนาคต

               นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า ภายใต้การกำกับดูแลสถาบันการเงินตามมาตรฐานบัญชีใหม่(IFSR9) ตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) กำหนดให้ฝ่ายจัดการธนาคารสามารถประเมินเศรษฐกิจไปในระยะข้างหน้าภายใต้สมมติฐานในกรณีที่ดีและเลวร้ายที่สุด โดยกำหนดเพิ่มเติมให้ธนาคารที่มีเงินสำรองส่วนเกินจำนวนมากสามารถลดเงินสำรองส่วนเกินลงได้ และสามารถตีกลับเป็นกำไร หรือนำมาเป็นสำรองล่วงหน้าตามที่ฝ่ายจัดการประเมินภายใต้ความเสี่ยงเครดิตในอนาคต ธนาคารอาจปรับเกณฑ์การสำรองลูกค้ารายใหญ่เป็นพอร์ตสินเชื่อมาเป็นรายลูกค้า และพิจารณาธุรกิจเอสเอ็มอีทั้งพอร์ตและรายธุรกิจ ส่วนรายย่อยจะพิจารณาเป็นรายประเภทธุรกิจ 

กสิกรไทยจ่อโยกสำรองส่วนเกิน โป๊ะหนี้เน่าธุรกิจ

               ดังนั้น เงินสำรองส่วนเกินที่ธนาคารมีอยู่ปัจจุบันที่ 130% อาจจะไม่ได้ตีกลับมาเป็นกำไรทั้งหมด อย่างไรก็ดี ธนาคารจะพยายามรักษาให้เงินสำรองอยู่ที่ระดับดังกล่าว 130% เพื่อไม่ให้งบการเงินสวิงไปมา โดยธนาคารจะมีการพิจารณาทบทวนพอร์ตให้เสร็จสิ้นภายในปีนี้ เนื่องจากมาตรฐานบัญชีใหม่ IFRS9 จะมีผลบังคับใช้ในต้นปี 2563

มาตรฐานบัญชี IFRS9 เป็นมาตรฐานสากล ซึ่งธปท.ได้มีการกำหนดเพิ่มเติม โดยให้ใครมีสำรองส่วนเกินเยอะ ไม่ให้ทิ้งเงินสำรองส่วนเกินทิ้งไว้เฉยๆ แต่สามารถตีกลับมาเป็นกำไร และลดเงินสำรองส่วนเกินไปประเมินความเสี่ยงเครดิตในอนาคตได้ โดยให้ฝ่ายจัดการประเมินความเสี่ยงในอนาคต ซึ่งมองว่าธปท.ต้องการให้ธนาคารมีความแข็งแกร่ง เพราะถ้าไม่แข็งแกร่งเศรษฐกิจอาจจะเซได้ ธปท.จึงอยากให้ทำ เราก็อยู่ระหว่างทบทวนพอร์ตให้เสร็จในปีนี้ แต่เราจะพยายามเมนเทรนสำรองส่วนเกินให้อยู่ที่ 130%

กสิกรไทยจ่อโยกสำรองส่วนเกิน โป๊ะหนี้เน่าธุรกิจ

               ล่าสุด ธนาคารกสิกรไทย ร่วมกับ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ พัฒนาแอปพลิเคชัน บลู คอนเนค (Blue CONNECT) โดยมีฟังก์ชั่นหลัก คือ อี วอลเล็ต ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินออนไลน์ ลูกค้าไม่ต้องพกเงินสด เพื่อตอบสนองความคาดหวังของผู้บริโภคยุคดิจิทัลในหลากหลายมิติ ทั้งความสะดวกสบาย ความรวดเร็ว ความปลอดภัย และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีแนวโน้มการใช้เงินสดที่ลดลง โดย โออาร์ เป็นบริษัทน้ำมันรายแรกในประเทศไทยที่พัฒนาระบบนี้ขึ้น

ทั้งนี้ ธนาคารกสิกรไทยในฐานะผู้พัฒนาระบบให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับเรื่องประสบการณ์การใช้งานของลูกค้า โดยเราได้นำข้อมูลจากการศึกษาความต้องการ และพฤติกรรมในการใช้งานของลูกค้าดิจิทัล แบงกิ้ง หลากหลายช่องทางของธนาคาร อาทิ K PLUS ที่มีผู้ใช้งานอยู่กว่า 11 ล้านราย เราพบว่าไลฟ์สไตล์ของคนยุคปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงไป ชอบความสะดวก รวดเร็ว และต้องการเครื่องมือที่ใช้งานได้อย่างราบรื่น ไม่สะดุด โดยธนาคารคาดว่าจะมียอดธุรกรรมที่ทำผ่านแอพพลิเคชั่นอยู่ที่ราว 2 ล้านรายการต่อวัน จากฐานลูกค้าของโออาร์ที่มีอยู่ 40-50 ล้านคน นอกจากนี้ จะขยายธุรกิจตามไปต่างประเทศตามโออาร์ที่มีแผนจะขยายไป

กสิกรไทยจ่อโยกสำรองส่วนเกิน โป๊ะหนี้เน่าธุรกิจ

กสิกรไทยจ่อโยกสำรองส่วนเกิน โป๊ะหนี้เน่าธุรกิจ