จิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิจีนผู้เกรียงไกร ผนวกโลกมนุษย์และสวรรค์

นับตั้งแต่ปี2559 กระทรวงวัฒนธรรมโดยกรมศิลปากร มีความพยายามในการติดต่อขอยืมโบราณวัตถุจากสุสานจักรพรรดิจิ๋นซี เมืองซีอาน มณฑลส่านซีเข้ามาแสดงในไทย แต่ก็รอแล้วรออีก สุดท้ายแล้วฝันก็เป็นจริงจากมิตรภาพระหว่างไทย-จีนที่มีมาตลอดหลายร้อยปี ปี 2562 โอกาสสำคัญก็มาถึงนั่นคือวาระครบรอบ 70 ปีการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน และวาระครบรอบ 44 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน คนไทยจึงมีโอกาสได้เรียนรู้มรดกโลกทางวัฒนธรรมจีน ผ่านนิทรรศการพิเศษ “จิ๋นซีฮ่องเต้ : จักรพรรดิองค์แรกของแผ่นดินจีนกับกองทัพทหารดินเผา”

อย่างที่ทราบกันดีจีนมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน อีกทั้งจิ๋นซีฮ่องเต้ยังเป็นบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์  เหตุที่เรียกประเทศจีนว่าจีน คาดกันว่ามาจากคำว่า “จิ๋น” พระนามของจิ๋นซีฮ่องเต้ นี่จึงแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงมีความสำคัญมากเพียงไหน

      นิทรรศการนี้จัดแสดงโบราณวัตถุ 86 รายการจำนวน 133 ชิ้น ซึ่งมีอายุกว่า 2,200 ปี มาจากพิพิธภัณฑ์ชั้นนำต่างๆ 14 แห่งทั่วประเทศจีน สำหรับมณฑลส่านซีกองทัพทหารดินเผานี้ถูกค้นพบเมื่อปี 1974 นี้ เผยให้เห็นความซับซ้อนของอารยธรรมจีนโบราณ  อีกทั้งวิธีเก็บรักษาประติมากรรมเหล่านี้ ทั้งยังชี้ให้เห็นการพัฒนาของเทคโนโลยีของจีน โดยแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ได้แก่ 

พัฒนาการก่อนการรวมชาติ 

ยุคราชวงศ์โจวตะวันออก : สมัยราชวงศ์โจว สมัยชุนชิวและสมัยจ้านกว๋อ จีนโบราณแบ่งเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อย แบ่งแยกการปกครองเป็นเอกเทศ  มีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีการหล่อสำริด เช่น การผลิตอาวุธ เครื่องดนตรี ภาชนะ และเงินตรา รวมถึงความก้าวหน้าทางการทหาร ซึ่งเป็นปัจจัยส่งเสริมให้แคว้นฉินที่เป็นแคว้นขนาดเล็กในเขตชายแดนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศจีนโบราณ กลายเป็นจักรวรรดิที่แข็งแกร่งในเวลาต่อมา โบราณวัตถุที่จัดแสดงจะเห็นถึงความก้าวหน้าทางด้านโลหกรรม เครื่องมือเครื่องใช้ ภาชนะสำริด 

จิ๋นซีฮ่องเต้ จักรพรรดิองค์แรกของจีน 

ผู้ผนวกโลกมนุษย์และสวรรค์ : มหาราชองค์แรกในประวัติศาสตร์จีนที่โลกต้องจารึก ประมาณกว่า 2,200 ปีมาแล้ว จิ๋นซีฮ่องเต้ประสูติในฐานะเจ้าชายแห่งแคว้นฉิน เมื่อพระชนมายุ 13 พรรษา ได้รับการสถาปนาขึ้นปกครองแคว้นฉินแทนพระราชบิดา และประกอบพิธีราชาภิเษกเมื่อพระชนมายุ 22 พรรษา พระราชกรณียกิจของพระองค์ได้รับการจารึกไว้ในประวัติศาสตร์จีน เช่น การสถาปนาราชวงศ์ฉิน การผนวกแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่น การปฏิรูประบบการปกครองแบบรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง กำหนดมาตรฐานหน่วยชั่ง ตวง วัด ระบบเงินตรา ภาษาเขียน และการพัฒนาสาธารณูปโภค อาทิ สร้างถนนหลวงยาวกว่า 6,000 กม. ขุดคลองเชื่อมแม่น้ำ ทั้งทรงริเริ่มให้มีการก่อสร้างและเชื่อมต่อแนวกำแพงดินอัดของแคว้นต่างๆ เพื่อป้องกันการรุกรานจากข้าศึกศัตรูจนกลายเป็นกำแพงเมืองจีน เป็นแหล่งอารยธรรมอันน่าอัศจรรย์ของโลก

สุสานจักรพรรดิจิ๋นซี 

มหาอาณาจักรใต้พิภพ : จิ๋นซีฮ่องเต้มีความปรารถนาที่จะมีชีวิตเป็นอมตะจึงเสาะแสวงหายาอายุวัฒนะและสร้างสุสานเตรียมพร้อมสำหรับชีวิตหลังความตายหรือโลกหน้า ซึ่งได้รับการบันทึกไว้โดย “ซือหม่าเฉียน” อาลักษณ์สมัยราชวงศ์ฮั่น พรรณนารายละเอียดอันน่าทึ่งของมหาสุสานจักรพรรดิจิ๋นซี และปริศนากระจ่างขึ้นเมื่อค้นพบหุ่นทหารดินเผา เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2517 ซึ่งองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก ได้ยกย่องและประกาศให้สุสานจักรพรรดิจิ๋นซีเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรม เมื่อพ.ศ. 2530 โซนนี้เป็นไฮไลต์ของนิทรรศการ คือ หุ่นทหารม้าดินเผา เสื้อเกราะ อาวุธสำริด และรถม้าสำริด

สืบสานความรุ่งโรจน์ : ยุคราชวงศ์ฮั่น

มรดกทางวัฒนธรรมจากราชวงศ์ฉิน โซนสุดท้ายจัดแสดงโบราณวัตถุจากสุสานในสมัยราชวงศ์ฮั่น โบราณวัตถุที่บอกเล่าเรื่องราวประเพณี วิถีชีวิต ความรุ่งเรือง ทางด้านวัฒนธรรม การเมือง การปกครอง สังคม เกษตรกรรม และเทคโนโลยีทางการทหาร ตลอดจนการค้าและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างชาวจีนโบราณกับชาวต่างชาติบนเส้นทางสายแพรไหมสะท้อนให้เห็นถึงความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ  นับเป็นยุคทองของงานศิลปกรรมและอารยธรรมจีนอย่างแท้จริง

งานนี้คนไทยไม่ต้องบินไกลไปชมถึงเมืองจีน มาแล้วต้องเชิญชวนให้ไปชมกัน นิทรรศการเปิดให้ประชาชนเข้าชมทุกวันพุธ-อาทิตย์ จนถึงวันที่ 15 ธันวาคม 2562 ตั้งแต่ เวลา 09.00-16.00 น. (ปิดวันจันทร์-อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์) ค่าธรรมเนียมเข้าชม คนไทย 30 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท

หน้า 21 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,507 วันที่ 22 - 25 กันยายน พ.ศ. 2562