อินโดนีเซียเร่งดับไฟป่า สิงคโปร์-มาเลเซียมึนหมอกควันลามถึง

18 ก.ย. 2562 | 08:27 น.

ประธานาธิบดี จาโค วิโดโด แห่งอินโดนีเซีย นำคณะลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากเหตุการณ์ไฟป่าที่ลุกโหมเป็นวงกว้างบนเกาะสุมาตราตอนกลางเมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยผู้นำอินโดนีเซียระบุว่า ได้ส่งกำลังพลเกือบๆ 6,000 นายเข้าสู่จุดที่ไฟป่ากำลังสร้างความเสียหายมากที่สุดเพื่อระดมดับไฟ “เราพยายามทำทุกๆวิถีทางแล้ว” ทั้งนี้ มีการนำเครื่องบินหลายสิบลำขึ้นทำฝนเทียมและส่งเจ้าหน้าที่เดินเท้าเข้าดับไฟในป่า รวมทั้งการสวดขอพรในมัสยิดด้วย

ประธานาธิบดีจาโค วิโดโด ลงพื้นที่ด้วยตัวเอง

พื้นที่ศูนย์กลางไฟป่าครั้งนี้อยู่บน 2 เกาะใหญ่ของอินโดนีเซีย คือ เกาะบอร์เนียวและสุมาตรา กลุ่มเถ้าควันไฟจากไฟป่าแผ่ปกคลุมไปถึงประเทศสิงคโปร์และมาเลเซียแล้วโดยสามารถเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า ปัญหาหมอกควันพิษจากการเผาป่าเพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับทำการเกษตรนี้ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปีในประเทศอินโดนีเซีย แต่ปีนี้ปัญหาทวีความรุนแรงมากกว่าเดิมเนื่องจากสภาวะอากาศที่แห้งแล้งมากเป็นพิเศษ เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า มีการจับกุมผู้ต้องหาได้เกือบ 200 คนแล้วด้วยข้อหามีพฤติกรรมพัวพันกับกิจกรรมที่นำไปสู่การเกิดไฟป่าที่ไม่สามารถควบคุมได้และลุกลามเป็นวงกว้าง นอกจากนี้ ยังมีการไต่สวน 4 บริษัทใหญ่ที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดไฟป่าครั้งนี้ด้วย

อินโดนีเซียเร่งดับไฟป่า สิงคโปร์-มาเลเซียมึนหมอกควันลามถึง

สำนักงานอุตุมนิยมวิทยาของอาเซียนเปิดเผยว่า แม้จะมีการควบคุมเพลิงไว้ได้แล้วในหลายพื้นที่แต่ปัญหาก็คือกลุ่มหมอกควันไฟหนาทึบยังคงครอบคลุมท้องฟ้าของอินโดนีเซียและประเทศเพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์และมาเลเซีย ทั้งนี้ พื้นที่บนเกาะบอร์เนียว (ซึ่งเป็นเกาะใหญ่อันดับ 3 ของโลก และมีพื้นที่ในครอบครองของ 3 ประเทศ คืออินโดนีเซีย บรูไน และมาเลเซีย) ถูกประกาศเป็นเขตมลภาวะทางอากาศ “ขั้นอันตราย”  รัฐบาลอินโดนีเซียสั่งปิดโรงเรียนนับร้อยๆ แห่งทั่วประเทศจนกว่าคุณภาพอากาศจะดีขึ้น   

อินโดนีเซียเร่งดับไฟป่า สิงคโปร์-มาเลเซียมึนหมอกควันลามถึง

ขณะที่มาเลเซียได้ส่งเครื่องบินขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อทำปฏิบัติการฝนเทียม และมีการสั่งปิดโรงเรียนหลายร้อยแห่งเช่นกัน ส่งผลกระทบต่อเด็กนักเรียนกว่า 3.5 แสนคน

อินโดนีเซียเร่งดับไฟป่า สิงคโปร์-มาเลเซียมึนหมอกควันลามถึง

ส่วนที่ประเทศสิงคโปร์ สำนักงานสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ คาดการณ์คุณภาพอากาศในระยะ 24 ชั่วโมงนับจากช่วงค่ำของวันอังคาร (17 ก.ย.) ว่าน่าจะอยู่ในระดับปลอดภัยปานกลางถึงเป็นภัยต่อสุขภาพเล็กน้อย แต่สถานการณ์อาจยกระดับย่ำแย่กว่านี้ขึ้นอยู่กับทิศทางลมด้วย