กลุ่มกบฏในเยเมนรับอยู่เบื้องหลังส่งโดรนถล่มโรงกลั่นซาอุฯ

15 ก.ย. 2562 | 23:52 น.

กระทรวงพลังงานของซาอุดีอาระเบียแถลงว่า เหตุการณ์โจมตีโรงกลั่นน้ำมันสองแห่งในเขต Abqaiq และ Khurais ด้วยโดรนจนเป็นเหตุให้เพลิงลุกไหม้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (14 ก.ย.) ได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันดิบของประเทศ โดยจะทำให้ผลผลิตหดหายไปกว่า 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือประมาณครึ่งหนึ่งของผลผลิตน้ำมันทั้งหมดของซาอุฯ และทำให้เกิดการคาดการณ์กันเป็นวงกว้างว่าจะส่งผลอย่างมากต่อราคาน้ำมันโลก
เจ้าชายอับดุลาซิซ บิน ซัลมาน รัฐมนตรีพลังงานซาอุดีอาระเบีย

เจ้าชายอับดุลาซิซ บิน ซัลมาน รัฐมนตรีพลังงานของซาอุดีอาระเบีย ระบุในแถลงการณ์เมื่อวันอาทิตย์ (15 ก.ย.) ว่า เหตุโจมตีดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันและก๊าซ 5.7 ล้านบาร์เรล/วัน ขณะที่ตัวเลขล่าสุดที่โอเปกเปิดเผยเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า ผลผลิตทั้งหมดของซาอุฯ อยู่ที่ 9.8 ล้านบาร์เรล/วัน เท่ากับว่าผลผลิตจะหายไปราวครึ่งหนึ่ง หรือคิดเป็น 5% ของอุปทานน้ำมันทั่วโลก
 

บริษัทซาอุดี อารามโค ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุฯ กำลังเร่งดำเนินการเพื่อทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันที่หายไปกลับคืนมาโดยเร็ว และจะเปิดเผยสถานการณ์ล่าสุดให้ประชาชนทราบภายในอีกสองวันข้างหน้า
กลุ่มกบฏในเยเมนรับอยู่เบื้องหลังส่งโดรนถล่มโรงกลั่นซาอุฯ
แถลงการณ์ของกระทรวงฯ ระบุด้วยว่า การโจมตีเหล่านี้ไม่ได้มีเป้าหมายอยู่ที่โรงกลั่นที่มีความสำคัญของซาอุฯ เท่านั้น แต่ยังเป็นการโจมตีอุปทานน้ำมันและความมั่นคงทั่วโลก และนั่นจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกอีกด้วย


 

โฆษกกระทรวงกิจการภายในของซาอุฯ เปิดเผยว่า การโจมตีด้วยโดรนลึกลับที่โรงกลั่นสองแห่งของบริษัทซาอุดี อารามโค ที่แหล่งผลิตน้ำมัน Abqaiq และ Khurais ได้ทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ แต่ทางบริษัทสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว โดยทางกระทรวงไม่ได้เปิดเผยถึงแหล่งที่มาของโดรนดังกล่าว  อย่างไรก็ตาม กลุ่มกบฏฮูตีในเยเมนได้ออกมาอ้างผ่านทางสำนักข่าว Al-Masirah ของตนเองว่า ทางกลุ่มกบฏอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ โดยใช้โดรน 10 ตัวในการก่อเหตุ

สำหรับแหล่งน้ำมัน Abqaiq ของซาอุดีอาระเบียนั้น ประกอบด้วยโรงงานแปรรูปน้ำมันขนาดใหญ่
ที่สุดของโลก ขณะที่แหล่งน้ำมัน
Khurais ซึ่งอยู่ห่างออกไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 190 กม.นับเป็นแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของซาอุดีอาระเบีย

ทั้งนี้ มีความตึงเครียดเพิ่มสูงขึ้นในภูมิภาค หลังจากในเดือนมิ.ย.และก.ค.ที่ผ่านมา มีการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันในน่านน้ำอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งซาอุดีอาระเบียและสหรัฐฯระบุว่าเป็นฝีมือของอิหร่าน แต่อิหร่านปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว