แนะขายทำไรบางส่วน เมื่อราคาทองปรับสูงขึ้น

13 ก.ย. 2562 | 11:45 น.

วายแอลจีแนะ นักลงทุนที่สะสมทองไว้ ขายทำกำไรบางส่วน เมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น เพื่อลดความเสี่ยง

               สภาวะตลาดทองคำ วันที่ 13 กันยายน ราคาแกว่งตัวในกรอบ 1,495.21 - 1,507.28 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศขายออกอยู่ที่ 21,650 บาทต่อบาททองคำ ลดลง 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ 21,700 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFV19 อยู่ที่ 21,810 บาท ลดลง 30 บาท จากวันก่อนหน้าที่ 21,840 บาท ด้านโกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์ส GOU19 อยู่ที่ 1,509.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 2.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากวันก่อนหน้าที่ 1,506.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์

               แนวโน้มวันที่ 16 กันยายน 2019

               ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐระบุว่า เขาต้องการข้อตกลงการค้าแบบครอบคลุมกับจีน แต่ไม่ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ของข้อตกลงชั่วคราว ขณะที่เทรดเดอร์ระบุว่า บริษัทเอกชนต่างๆ ของจีนซื้อถั่วเหลืองสหรัฐเป็นจำนวน 10 ระวางเป็นอย่างน้อย หรือ มากกว่า 600,000 ตัน เป็นการซื้อครั้งใหญ่ที่สุดของผู้นำเข้าเอกชนจีนในรอบกว่า 1 ปี และมีกำหนดขนส่งจากท่าส่งออกสหรัฐตั้งแต่เดือนต.ค.-ธ.ค.มีขึ้นก่อนการเจรจาระดับสูงในเดือนหน้าเพื่อมุ่งหวังยุติสงครามการค้าระดับทวิภาคี ซึ่งดำเนินมานานกว่า 1 ปี

ทางด้านนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน กล่าวระหว่างการประชุมกับนายอีแวน กรีนเบิร์ก ประธานสภาธุรกิจสหรัฐ-จีนว่า จีนยินดีต่อการตัดสินใจของสหรัฐในการเลื่อนการขึ้นภาษีต่อสินค้าจีน มูลค่า 2.5 แสนล้านดอลลาร์จากวันที่ 1 ต.ค. ไปเป็นวันที่ 15 ต.ค. “เพื่อเป็นการแสดงไมตรี” ท่ามกลางการเจรจาการค้าที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง หลังทั้งสองฝ่ายอนุญาตการผ่อนปรนก่อนการเจรจารอบต่อไป

               ความเคลื่อนไหวเชิงบวกประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลเชิงลบต่อการลงทุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำอ่อนตัวลงไม่มาก เนื่องจากนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐระบุว่า ปธน.ทรัมป์ ของสหรัฐพร้อมที่จะคงหรือแม้แต่ขึ้นภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน เขาระบุว่า “เราไม่ต้องการเพียงแค่การหารือประเด็นต่างๆ เราต้องการสร้างความคืบหน้าอย่างมีความหมาย”และเสริมว่าเขา “มีทัศนะเชิงบวกอย่างระมัดระวัง” เกี่ยวกับการประชุมที่กำลังจะมาถึง

      ท่าทีดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนจับตาเจ้าหน้าที่จีนและสหรัฐจะพบกันในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือประเด็นต่างๆ ซึ่งรวมถึงดุลการค้า, การเข้าถึงตลาด และการปกป้องนักลงทุน นอกจากนี้ การประชุมนโยบายในสัปดาห์หน้าของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) เป็นสิ่งที่นักลงทุนจับตา ซึ่งคาดว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% เพื่อพยุงเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว หลังจากเฟดลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค.เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2008 ขณะที่ปธน.ทรัมป์วิจารณ์เฟดอย่างเปิดเผยที่ไม่ลดอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกมากกว่านี้ แต่ข้อมูลเศรษฐกิจเชิงบวกสร้างความไม่แน่ใจเกี่ยวกับความจำเป็นสำหรับการผ่อนคลายเชิงรุก

ทั้งนี้ในระยะสั้นแนะนำว่า หากราคาไม่สามารถผ่านแนวต้านบริเวณ 1,515 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรออกมาอาจเห็นการปรับตัวลงของราคาทองคำ โดยประเมินแนวรับที่ 1,488 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาสามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวไปได้ ประเมินว่าจะปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านถัดไปที่ 1,524 ดอลลาร์ต่อออนซ์

               กลยุทธ์การลงทุน

                ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ราคาทองคำยังเคลื่อนไหวผัวผวน คาดการณ์ว่า หากราคาอ่อนตัวลงอาจมีแรงซื้อเข้าพยุงราคาไว้ โดยในระยะสั้นอาจมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้างโดย โดยถ้าราคามีการปรับตัวลดลงและไม่หลุดแนวรับนักลงทุนยังสามารถเข้าซื้อทองคำเพื่อสะสมเพิ่มเติม ซึ่งคาดการณ์แนวรับที่ระดับราคา 1,488-1,479 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือแนวรับได้ราคามีโอกาสขึ้นไปทดสอบแนวต้านที่ระดับราคา 1,515 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากผ่านไปได้จะมีแนวต้านต่อไปที่ระดับ 1,524 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นนักลงทุนที่สะสมทองคำไว้ อาจขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้างเพื่อลดความเสี่ยง หรือตั้งจุดตัดขาดทุนเมื่อราคาไม่เป็นไปตามคาดการณ์