EIC ชี้โลกและไทยเผชิญ4ปัจจัยลบ เชียร์รัฐกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม

12 ก.ย. 2562 | 02:05 น.

อีไอซีจ่อทบทวนประมาณการจีดีพีชี้โลกและไทยเผชิญ4ปัจจัยลบ"“สงครามการค้า-เงินบาทแข็ง-วัฎจักรขาลงของการใช้จ่ายโดยสร้างหนี้-การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง”  เชียร์รัฐออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มหลังโมเมตั้มเศรษฐกิจแผ่ว
 

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจธนาคารไทยพาณิชย์(EIC) โดยดร.ยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่ผู้บริหารสูงสุดอีไอซีและดร.กำพล อดิเรกสมบัติ ผู้อำนวยการอาวุโสร่วมสะท้อนมุมมองถึงพัฒนาการเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย โดยประเมินช่วงที่เหลือมีแนวโน้มต้องเผชิญ 4 ปัจจัยลบได้แก่ 1.สถานการณ์สงครามทางการค้าที่ยังไม่ผ่านจุดต่ำสุดและส่งผลกระทบต่อการลงทุนและการจ้างงานโดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมเริ่มติดลบ 2.เงินบาทแข็งค่าฉุดความสามารถในการแข่งขันโดยเฉพาะสินค้าที่แข่งขันด้านราคาและใช้ทดแทนกันได้เช่นสินค้าเกษตร  ข้าวหรือยางพารา

3.วัฎจักรขาลงของการใช้จ่ายโดยสร้างหนี้สาเหตุเศรษฐกิจชะลอตัวและมาตรการคุมสัดส่วนสินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน(LTV) และสินเชื่อด้อยคุณภาพขยับขึ้นโดยเริ่มเห็นผลกระทบจากสัญญาณติดลบในกลุ่มรถยนต์และยอดจองซื้อบ้าน(พรีเซลล์) และ 4.การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างทั้งด้านเทคโนโลยีและการแข่งขันจากธุรกิจรายใหญ่ซึ่งจะส่งผลค่อนข้างมากสำหรับแรงงานทักษะต่ำและกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีโดยเฉพาะการกระจุกตัวของธุรกิจพบว่าถ้าเป็นบริษัทอันดับหนึ่งจะมียอดขายหรือส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 72% ซึ่งทยอยเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

“โมเมนตัมเศรษฐกิจที่แผ่วลงโดยยังมีปัจจัยลบรุมเร้าและเศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยงด้านต่ำหลายประเทศมีประเด็นถดถอยซึ่งคาดว่าทั้งเฟดและอีซีบีจะปรับลดดอกเบี้ยอีกและนำไปสู่การปรับลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมของธนาคารกลางในประเทศภูมิภาคอาจจะกดดันค่าเงินบาทดังนั้นนอกจากลดดอกเบี้ยแล้วจะต้องทำเรื่องเชิงโครงสร้างควบคู่ด้วย” 

โดยเฉพาะเรื่องการลงทุนในการเพิ่มทักษะแรงงานและการปรับตัวของกลุ่มเอสเอ็มอีซึ่งทั้งสองเป็นโจทย์เชิงโครงสร้างซึ่งจะต้องมีมาตรการระหว่างภาครัฐและเอกชนร่วมกันเพราะยังมีพื้นที่ให้ดำเนินการนโยบายทางการคลังได้  โดยมาตรการภาครัฐที่ออกมาก่อนหน้าเชื่อว่าจะประคับประคองเศรษฐกิจในช่วงแรก

อย่างไรก็ตามอีไอซีเตรียมทบทวนและปรับตัวเลขประมาณการเติบโตทางเศรษฐ(จีดีพี)ในวันที่ 8 ตุลาคม 2562 ซึ่งเดิมคาดจีดีพีไว้ที่ 3.0% ซึ่งถ้าไม่มีมาตรการกระตุ้นของภาครัฐคาดว่าจีดีพีจะขยายตัวได้ที่ 2.7% ถ้ามีมาตรการจะช่วยได้ 0.3%