ช่วงที่ผ่านมามีความรู้สึกว่าหัวกระไดของทำเนียบรัฐบาลไม่แห้ง ในมิติความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจกับต่างประเทศ โดยเฉพาะชาติในเอเชียด้วยกัน จะบอกว่าเพราะมีการประชุมด้านอาเซียนในกรุงเทพฯด้วย ก็ไม่ผิดนักหากจะมองแบบนั้น
แต่ที่น่าสนใจคือมี ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ เดินทางคณะใหญ่มาเยือนประเทศไทยในรอบกว่า 7 ปี มีผู้บริหารจากค่ายรถยักษ์ใหญ่โตโยต้า มาเข้าพบ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯที่ทำเนียบ แถมในการประชุมครม.เมื่อไม่นานมานี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังถามกระทรวงคมนาคมถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟไทย-จีน
ความรู้สึกคือ ชาติในเอเชียที่ช่างเป็นมิตรกับเราดีแท้ แต่คำถามว่าทำไมหนอรัฐบาลจึงใส่ใจกับชาติเอเชียเยี่ยงนี้
ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
หลังจากนั้นผมมีโอกาสไปนั่งฟัง ดร.สมคิด ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “อนาคตเศรษฐกิจไทย เรากำหนดได้” ซึ่งจัดโดย สมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ ได้เห็นภาพของเศรษฐกิจ 3 ยุค ที่เชื่อมโยงให้เห็นว่าทำไม ประเทศไทยถึงเนื้อหอม มีชาติในเอเชียรวมทั้งจีนมาสนใจตลอดเวลา
คำตอบได้จาก ดร.สมคิดเล่าเป็นชั่วโมงบนเวที ท่อนหนึ่งว่า รอบกว่า 20 ปีในชีวิตนักการเมืองของรองนายกฯคนนี้ ผ่านการเมืองยุคแรก คือ ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ 2540 หรือ ต้มยำกุ้ง คงไม่ต้องบรรยายให้เยิ่นเย้อว่าหนักหน่วงขนาดไหนสำหรับประเทศไทย แต่คีย์เมสเสจที่ดร.สมคิด บอกคือ “ประเทศมีจุดอ่อน คือ เสาหลักมีความผุกร่อนถ้าไม่เสริมเศรษฐกิจจะไม่มีทางแข็งแรงได้เลย เรื่องบุคลากรในองค์กร เมื่อเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นแล้วการปฏิรูปคือหัวใจสำคัญ แต่เมื่อเศรษฐกิจรุ่งเรืองเรามักไม่นึกถึงการปฏิรูป การเมืองก็นึกถึงเรื่องเฉพาะหน้า การชนะกันทางการเมืองได้เสียงเท่านั้น”
เศรษฐกิจยุคที่ 2 ของรองนายกฯผู้นี้คือ ช่วงรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มีสิ่งที่เกิดขึ้น 2 อย่าง 1. การเมืองเริ่มมีปัญหา ความขัดแย้งทางการเมือง ความขัดแย้งทางสังคมเริ่มเกิดกีฬาสี เกิดขึ้นพร้อมกับสัญญาณบางอย่างว่าความสามารถในการแข่งขันของเราเริ่มถดถอย ค่าแรงไทยแพงกว่าเวียดนาม อุตสาหกรรมขนาดเบาเริ่มเคลื่อนย้ายออก ความสามารถแข่งขันถดถอยลง การเมืองไม่นิ่ง ขนาดประชุมอาเซียนซัมมิทผู้นำยังหนีขึ้น ฮ. แทบไม่ทัน
ยุคที่ 3 คือ ที่มีการรัฐประหารของ คสช. ภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ความเชื่อมั่นก็ไม่ดี การท่องเที่่ยวซบเซาไม่ฟื้นเต็มที่ ด้านต่างประเทศโดนกดดันจากอเมริกาและยุโรป
จากนั้นดร.สมคิด เล่าอธิบายว่า ประเทศแรกที่มาหาและ “เป็นแบ็ก” ให้เราคือประเทศจีน
“ผมไปจีน ผมถือจดหมายส่วนตัวจากท่านนายกฯ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ตอนนั้นเป็นหัวหน้าคสช.ด้วย นำไปให้มุขมนตรีแห่งรัฐของเขา ให้จีนกับเราสนับสนุนซึ่งกันและกัน ในยามนั้นเราต้องการมิตรประเทศ ยุโรปไม่มองหน้าเรา ไม่ให้เจรจากันระหว่างบุคลากรทางการเมือง อเมริกาก็เช่นกัน ก็มีแต่ประเทศเอเชียที่มาติดต่อกับเรา
“มีคนถามว่าทำไมเราไม่ทำเอฟทีเอกับยุโรปกับอียู ผมก็บอกว่า ก็เขาไม่ทำกับเรา ไม่ใช่ไม่อยากทำ”
ในตอนท้ายๆ รองนายกฯ วิเคราะห์ถึงสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ “มีเทรดวอร์ มีคนถามผมว่าจบเร็วไหม คิดว่าจะจบหลังเลือกตั้งของอเมริกา สิ่งเหล่านี้จะนำไปสู่การหาเสียงแน่นอน และเราต้องอยู่ของเราให้ได้ ผมคิดว่าเราน่าจะประคองอยู่ได้”
คอลัมน์ อินไซด์สนามข่าว โดย จีรพงษ์ ประเสริฐพลกรัง
หน้า 14 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3504 วันที่ 12-14 กันยายน 2562