วานนี้(4 ก.ย.) ปอร์เช่ จัดงานเปิดตัวรถพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรก “ไทคานน์” พร้อมกันใน 3 ประเทศคือ แคนาดา เยอรมนี และจีน แบ่งเป็น 2 ความแรงคือ เทอร์โบ และเทอร์โบเอส
ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) โมเดลแรกที่เปิดตัวคือรุ่น เทอร์โบ เอส และเทอร์โบ ซึ่งรถสปอร์ตพลังไฟฟ้าขับเคลื่อน 4 ล้อ รุ่นอื่นๆจะทยอยเปิดตัวตามมา รวมถึง “ไทคานน์ ครอส ทัวริสโม่” (Taycan Cross Turismo) ซึ่งเตรียมผยโฉมช่วงปลายปีหน้า
ในรุ่นเรือธงไทคานน์ เทอร์โบ เอส ให้กำลังสูงสุด 761 แรงม้า เพิ่มพลังด้วยฟังก์ชัน overboost ทำงานร่วมกับระบบช่วยออกตัว Launch Control อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในระยะเวลา 2.8 วินาที พิสัยการเดินทางสูงสุดทำได้ 412 กม.
ไทคานน์ เทอร์โบ กำลังสูงสุด 680 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 3.2 วินาที พิสัยการเดินทางสูงสุด 450 กิโลเมตร โดยทั้ง 2 รุ่นสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 260 กม./ชม.
ปอร์เช่ ไทคานน์ คือรถสปอร์ตจากสายการผลิตปกติรุ่นแรก ที่ได้รับการติดตั้งระบบไฟฟ้าแรงขับเคลื่อนสูง 800 โวลต์ แทนที่ระบบทั่วไปซึ่งมีแรงขับเคลื่อนเพียง 400 โวลต์(ในรถพลังไฟฟ้าคันอื่น)
เมื่อนำรถคันนี้โลดแล่นไปบนท้องถนน ภายในระยะเวลา 5 นาที ระบบชาร์จพลังงานย้อนกลับ high-power charging network จะทำหน้าที่สะสมพลังงานให้แก่แบตเตอรี่ด้วยไฟฟ้า กระแสตรง direct current (DC) จนสามารถเดินทางได้เป็นระยะสูงสุดกว่า 100 กิโลเมตร (ทดสอบตามมาตรฐาน WLTP) และใช้ระยะเวลาเพียง 22.5 นาที ในการชาร์จพลังงานตั้งแต่ความจุแบตเตอรี่ 5 – 80 เปอร์เซ็นต์ SoC (state of charge)
ภายใต้สภาพแวดล้อมปกติ และมีกำลังไฟฟ้าสูงสุด (peak) ที่ 270 กิโลวัตต์ ประสิทธิภาพความจุโดยรวมของแบตเตอรี่อยู่ที่ 93.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง นอกจากนี้ปอร์เช่ ไทคานน์ (Porsche Taycan) สามารถชาร์จพลังงานผ่านไฟฟ้ากระแสสลับ alternating current (AC) ขนาด 11 กิโลวัตต์ ที่ใช้อยู่ในที่พักอาศัยทั่วไปได้
ปอร์เช่ ไทคานน์ ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 2 ส่วน หนึ่งคือชุดขับเคลื่อนล้อหน้า และสองคือชุดขับเคลื่อนล้อหลัง หมายความว่ารถสปอร์ตคันนี้ได้รับการติดตั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive ส่งผลต่อความเหนือระดับทั้งในแง่ของพิสัยการเดินทางสูงสุด และพละกำลังที่ต่อเนื่อง
การทำงานที่สอดประสานกันอย่างลงตัวระหว่างชุดขับเคลื่อนทั้ง 2 ชิ้นส่วนของ electric machine ระบบส่งกำลัง และชุดควบคุม pulse-controlled inverter ถูกผสานรวมกันเป็นหนึ่งเดียวภายใต้ขนาดที่กะทัดรัด
ระบบควบคุมช่วงล่างแบบรวมศูนย์ Centrally networked chassis systems ระบบ Porsche 4D-Chassis Control ทำหน้าที่วิเคราะห์ และประมวลผลข้อมูลที่ได้จาก ระบบควบคุมช่วงล่าง ทั้งหมดในแบบ real time
นวัตกรรมดังกล่าวประกอบด้วย ระบบช่วงล่างถุงลมปรับระดับอัตโนมัติ adaptive air suspen-sion พร้อมเทคโนโลยี three-chamber รวมทั้งระบบ PASM (Porsche Active Suspension Management) ระบบ Por-sche Dynamic Chassis Control Sport (PDCC Sport) ระบบเหล็กกันโคลงอัจฉริยะ และระบบ Porsche Torque Vectoring Plus (PTV Plus)
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ all-wheel drive ควบคุมด้วยมอเตอร์ประสิทธิภาพสูง ทั้งสองตัว พร้อมระบบสะสมพลังงานย้อนกลับ หรือ recuperation ให้กำลังสูงสุดกว่า 265 กิโลวัตต์ ซึ่งมากกว่าคู่แข่งทุกราย ผลจากการวิ่งทดสอบ แสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของแรงเบรกที่ใช้ในการขับขี่ปกติเกิดขึ้นจากกลจักรไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น โดยแทบจะปราศจากการทำงานของระบบเบรกไฮดรอลิกที่ล้อรถ
สำหรับปอร์เช่ ไทคานน์ รุ่นเทอร์โบราคา 150,900 ยูโร ประมาณ 5.13 ล้านบาท ส่วนรุ่นเทอร์โบ เอส 185,000 ยูโร ประมาณ 6.29 ล้านบาท ในเมืองไทย เอเอเอส ออโต้เซอร์วิส เตรียมนำเข้ามาเปิดตัวต้นปีหน้า