‘ศรีราชา’ เนื้อหอม เซ็นทาราปักธงบริหารชน‘เชนต่างชาติ’

การลงทุนธุรกิจโรงแรมในพื้นที่ภาคตะวันออก ที่ผ่านมาจุดโฟกัสจะอยู่ในเมืองพัทยาเป็นหลัก แต่วันนี้จะเห็นการเกิดขึ้นของโรงแรมใหม่ ในพื้นที่ศรีราชา ซึ่งก็เป็นโอกาสในการปักธงธุรกิจของเชนบริหารโรงแรมทั้งไทยและต่างชาติ รวมถึงเชนไทย อย่าง “เซ็นทารา”  อ่านได้จากสัมภาษณ์ นายเฉลิมรัฐ ขำสวัสดิ์  ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมเซ็นทารา ซันไรซ่า เรสซิเดนซ์ แอนด์ สวีท ศรีราชา

เฉลิมรัฐ ขำสวัสดิ์ 

2 ปัจจัยดันรร.ศรีราชาโต

ภาพรวมของธุรกิจโรงแรมในศรีราชา ถ้าย้อนกลับไปสัก 2-3 ปีที่แล้ว จะเห็นชัดเจนว่าดีมานด์การเข้าพักมีสูงมาก ตอนนั้นซัพพลายหรือโรงแรมมีน้อย แต่ตอนนี้ซัพพลายน่าจะเกินไปบ้าง เพราะในช่วงก่อนหน้านี้ อาจจะด้วยจังหวะเวลาที่ไม่เหมาะสม หรือรัฐบาลช่วงนั้นไม่มีเสถียรภาพ เนื่องจากเป็นช่วงรอการเลือกตั้ง ก็ค่อนข้างที่จะมีผลต่อการลงทุนเหมือนกัน

ทำให้เมื่อช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาคนญี่ปุ่นที่เข้ามาทำงานในพื้นที่นี้ ลดลงไปราว 5,000  คน เหลืออยู่ที่ราว 1 หมื่นคน (ไม่รวมครอบครัว) หากเทียบ กับเมื่อช่วง 4-5 ปีที่แล้ว ที่มีคนญี่ปุ่นพำนักอาศัยในพื้นที่นี้ราว 15,000 คน ประกอบกับศรีราชาเป็นเมืองรอง คนก็จะเลือกไปพัทยามากกว่า และมองว่า ศรีราชาเป็นตลาดไมซ์หรือคอร์ปอเรต แต่ตอนนี้เห็นแนวโน้มดีขึ้น ว่าดีมานด์กับซัพพลายจะกลับไปบาลานซ์กันเหมือนเดิม

เนื่องจาก 1. มีการจัดตั้งรัฐบาลมีความมั่นคงทางการเมือง ก็จะช่วยในเรื่องของการลงทุน 2. นโยบายการพัฒนาการลงทุนใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) และ 3. ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เริ่มมีการโปรโมตการท่องเที่ยวเมืองรอง ทำให้วันนี้ศรีราชาเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น อย่างล่าสุดเมื่อต้นปีนี้ก็เริ่มเห็นกรุ๊ปเล็กๆ จากจีนเข้ามา ซึ่งผมทราบว่าบริษัททัวร์จีน เริ่มโปรโมตศรีราชาให้เป็นเดสติเนชันท่องเที่ยว มาพัก 2 คืนส่วนใหญ่จะพานักท่องเที่ยวไปสวนสัตว์เปิดเขาเขียว ฟาร์มจระเข้ มีช็อปปิ้งบ้างนิดหน่อย ต่อด้วยไปพัทยา 1-2 คืนแล้วกลับไปกรุงเทพฯ

เซ็นทารา เรสซิเดนซ์แห่งที่3

จากแนวโน้มที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดการลงทุนโรงแรมในศรีราชาเพิ่มขึ้น และจะเห็นว่าผู้ลงทุนมองการเลือกเชนโรงแรมมารับบริหารในพื้นที่นี้มากขึ้น อย่างล่าสุดเชนเซ็นทารา ก็เข้ามาบริหารโรงแรมใหม่ ให้กับทางทันตแพทย์หญิงณัฏฐ์ศรัย ชัยจินดารัตน์ เจ้าของสไมล์ เดนทัล คลินิก ซึ่งมีการลงทุนโครงการคอนโดมิเนียมที่ศรีราชา จากนั้นก็ตัดสินใจลงทุนราว 500 ล้านบาทในการสร้างโรงแรมระดับ 4 ดาว ขนาด 145 ห้อง แล้วให้เซ็นทาราบริหารให้ เพิ่งเปิดให้บริการอย่างไม่เป็นทาง การเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2562 และคาดว่าจะเปิดตัวโรง แรมอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายนนี้

ทั้งนี้การลงทุนโรงแรมใหม่ในระดับ 4-5 ดาว ที่เกิดขึ้นในพื้นที่นี้ เซ็นทาราจัดว่าเป็นเชนโรงแรมไทยรายเดียว ที่ขยายการรับบริหารเข้ามาในพื้นที่ และเลือกนำแบรนด์ “เซ็นทารา เรสซิเดนซ์ แอนด์ สวีท” เข้ามาบริหารโรงแรมนี้ โดยแบรนด์นี้ มีเพียง 3 แห่ง อยู่ที่ภูเก็ต, โดฮา และที่นี่ ซึ่งแบรนด์นี้มีจุดขายตรงที่จะมีห้องพักที่ออกแบบมารองรับกลุ่มลองสเตย์ หรือกลุ่ม Expat (ต่างชาติที่ทำงานและพำนักในไทย) ที่มาพัก 1 เดือนขึ้นไปหรือมาพักเป็นปี ที่จะเป็นอีกตลาดที่มาเสริมการเข้าพักนอกเหนือจากกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวทั่วไป ที่ปัจจุบันเป็นลูกค้าคนไทยกว่า 85% รวมถึงกรุ๊ปจีนขนาดเล็ก และนักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่ทำงานในไทยแต่อยู่นอกพื้นที่ ก็ขับรถมาเที่ยวช่วงสุดสัปดาห์ เป็นต้น

มีหลายเชนดันศรีราชาสู่สากล

ส่วนโรงแรมอื่นที่มีการลงทุนในศรีราชา ก็จะเลือกจ้างเชนจากต่างประเทศ เช่น โอ๊ควูด ที่เปิดให้บริการแล้ว, โนโวเทล อยู่ระหว่างการก่อสร้าง อย่างไรก็ตามแม้จะมีการแข่งขันกันจากแบรนด์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่นี้ แต่ผมมองว่าทุกอย่างมี 2 ด้าน

สำหรับประสบการณ์ของผมโอเคคู่แข่งมันเยอะขึ้นแน่ๆ แต่เรามีจุดขายที่แตกต่าง ทั้งโลเกชันที่ติดทะเล แต่โรงแรมใหม่ส่วนใหญ่จะอยู่ในเมือง การดีไซน์ของโรงแรมที่ล้อไปกับความ ต้องการของกลุ่มครอบครัว มีจุดเด่นสปา ภายใต้แบรนด์เซ็นวารี ที่ไม่ได้มีทุกโรงแรมที่เซ็นทาราบริหาร แต่ที่นี่มีความพิเศษกว่าสปาเซ็นวารีที่อื่นคือมีออนเซนด้วย รวมถึงห้องอาหารสไตล์ญี่ปุ่นที่รองรับกลุ่ม Expat (ต่างชาติที่ทำงานและพำนักในไทย) ห้องบอลรูมรองรับได้สูงสุด 140 คน และด้วยชื่อเสียงของแบรนด์ซึ่งเป็นที่รู้จักของคนไทยมากอยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้โรงแรมเติบโตได้

ขณะที่การแข่งขันในระดับเชนโรงแรม ข้อดีคือทำให้เดสติเนชันนี้เกิดในระดับสากล เพราะแต่ละแบรนด์ก็มีมาร์เก็ตติ้งของเขา มีตลาดที่เขาสตรองของเขา ที่จะเป็นผลบวกในภาพรวมเดสติเนชันของศรีราชานั่นเอง

สัมภาษณ์ โดย ธนวรรณ วินัยเสถียร

หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3502 วันที่ 5-7 กันยายน 2562