“บ้านปู เพาเวอร์”  สะท้อนกำไรและกระแสเงินสดแข็งแกร่ง

02 ก.ย. 2562 | 10:16 น.

 

 

 

 

 

บ้านปู เพาเวอร์ฯ จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลครึ่งปีแรก กระแสเงินสดแข็งแกร่ง พร้อมผลักดันการเติบโตใน6ประเทศที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านอุตสาหกรรมพลังงาน

รายงานข่าวจากบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากทั้งพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป (Thermal Power Business) และพลังงานหมุนเวียน (Renewable Power Business) ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรสะสมและผลการดำเนินงาน งวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2562 แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.35 บาท โดยจ่ายจากกำไรที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลซึ่งผู้รับเงินปันผลจะไม่ได้รับเครดิตภาษี ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้กำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้นในการรับเงินปันผลระหว่างกาล (Record date) ในวันที่ 13 กันยายน2562 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 25 กันยายน 2562

 

นายสุธี สุขเรือน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP  กล่าวว่า “บริษัทฯ มุ่งเน้นการเติบโตและความมั่นคงทางธุรกิจด้วยการบริหารพอร์ตการลงทุนในประเทศที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมแก่ผู้ถือหุ้น ดังจะเห็นจากอัตราการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในงวดนี้ที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สะท้อนถึงกำไรและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ เนื่องมาจากการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าทุกแห่งอย่างมีประสิทธิภาพ โดยขณะนี้ บริษัทฯ มีกำลังผลิตจากทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไปและพลังงานหมุนเวียนที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว (Commercial Operation Date: COD) รวม 2,170 เมกะวัตต์เทียบเท่า ทั้งยังพร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการที่มีอยู่ให้ COD ได้ตามแผนและมองหาโอกาสการลงทุนเพิ่มเติมอยู่เสมอ

 

ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปี ในฐานะเอกชนไทยรายแรกๆ ที่เข้าไปลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าในแถบเอเชีย  บ้านปู เพาเวอร์ฯ จึงสามารถต่อยอดการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในประเทศที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ด้านอุตสาหกรรมพลังงานแห่งเอเชีย-แปซิฟิกและมีการเติบโตสูง เช่น สาธาณรัฐประชาชนจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ตามกลยุทธ์ Greener & Smarter สำหรับจีน บริษัทฯ ถือเป็นผู้ลงทุนธุรกิจไฟฟ้าจากไทยรายเดียวที่สามารถพัฒนาและเพิ่มกำลังผลิตได้อย่างต่อเนื่อง ความสำเร็จล่าสุดคือการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จีซิน (Jixin) ที่ COD แล้ว ทำให้ปัจจุบันมีกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนจากพลังงานแสงอาทิตย์ในจีนรวม 177 เมกะวัตต์ ด้านธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนรวมอยู่ที่ 233 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นที่ COD แล้ว 37 เมกะวัตต์ และอีก 196 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการพัฒนาและก่อสร้างซึ่งจะทยอย COD จนครบภายในปี 2566สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในเวียดนาม กำลังผลิตตามสัดส่วนการลงทุนรวม 80 เมกะวัตต์ คืบหน้าตามแผนที่วางไว้ โดยระยะที่ 1 กำลังผลิต 30 เมกะวัตต์ อยู่ในขั้นตอนคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างและติดตั้งเพื่อ COD ให้สำเร็จภายในปี 2563

 

“นับจากวันนี้ถึงปี 2566 เรามีกำลังผลิตรวมแล้วถึง 2,894 เมกะวัตต์เทียบเท่า โดยมีสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนร้อยละ 17 และจะยังพิจารณาโครงการโรงไฟฟ้าเข้ามาเพิ่มเติมเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายกำลังผลิตกว่า 4,300 เมกะวัตต์เทียบเท่า พร้อมสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ภายในปี 2568 เราเชื่อว่า ด้วยการบริหารกระแสเงินสดอย่างแข็งแกร่ง การผนึกพลังร่วมภายในกลุ่มบ้านปูฯ เพื่อเสริมขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจไฟฟ้า และการปักหลักลงทุนในประเทศที่เราเชี่ยวชาญและมีโอกาสทางธุรกิจสูง บ้านปู เพาเวอร์ฯ จึงพร้อมเดินหน้าตามหลักความสมดุลด้านพลังงานของโลกและสอดคล้องกับทิศทางการเติบโตในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงแก่ผู้มีส่วนได้เสียตามเป้าหมายที่เรายึดมั่นเสมอมา” นายสุธี กล่าวปิดท้าย

 

ปัจจุบันบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากทั้งพลังงานเชื้อเพลิงทั่วไป (Thermal Power Generation) และพลังงานหมุนเวียน (Renewable Power Generation) ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ได้แก่ ไทย สปป.ลาว จีน ญี่ปุ่น และเวียดนาม ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา บ้านปู เพาเวอร์ฯ มุ่งมั่นที่จะพัฒนาศักยภาพในการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อการผลิตไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงที่มีความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และพร้อมที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจไฟฟ้าในระดับภูมิภาคอย่างยั่งยืน  สำหรับสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ณ วันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2562 มีสินทรัพย์รวมจำนวน 50,249 ล้านบาท