รมว.อุตสาหกรรมบุกล้วงข้อมูลการส่งเสริมการลงทุนของเวียดนาม ยันไทยมีศักยภาพที่ดีกว่า แย้มเตรียมดึงเศรษฐีเวียดนามมาลงทุน ด้านสศอ. เผยเตรียมทำแพคเกจเสนอสมคิด ภายใน 2 สัปดาห์
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการนำคณะผู้บริหารและคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน พบปะภาคเอกชน สถาบันการเงินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยในเวียดนาม ที่สถานกงสุลใหญ่ประจำประเทศเวียดนาม ว่า ที่ประชุมได้มีการรับฟังบรรยายสรุปและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมและมาตรการส่งเสริมการลงทุนระหว่างไทย-เวียดนาม ได้รับรู้ว่านักลงทุนต้องการอะไรบ้าง หรือได้รับสิทธิประโยชน์อะไรบ้างในการเข้าไปลงทุนที่เวียดนาม เพื่อเป็นแนวทางให้ไทยนำไปกำหนดสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ตอบโจทย์ตรงกับความต้องการนักลงทุน โดยไทยจะให้มากกว่าแบบมาตรการต่อมาตรการ
ทั้งนี้ แม้ว่าเวียดนามจะมีจุดแข็งเรื่องอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำถูก มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เติบโตประมาณ 6-7% มีทรัพยากรธรรมชาติยังสมบูรณ์ ต้นทุนค่าไฟฟ้าอยู่ในระดับ มีการเปิดการค้าเสรีกับสหภาพยุโรป(อียู) แต่ก็มีจุดอ่อนที่กฎหมายการลงทุนบางข้อเขียนไว้คลุมเครือ ขณะที่ยอมรับว่าไทยมีจุดอ่อนเรื่องค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำแพงกว่าเวียดนาม ซึ่งไทยคงสู้ไม่ได้ แต่ไทยยังมีจุดแข็งเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครบวงจรสามารถอำนวยความสะดวกรองรับการค้าการลงทุน แรงงานไทยมีทักษะฝีมือสูง มีความชัดเจนเรื่องกฎหมายต่างๆ มากกว่า ต่างชาติมีสิทธิ์ถือครองที่ดิน และมาตรการภาษีใช้ได้จริง
“ส่วนตัวเชื่อว่าเราจะสามารถดึงดูดต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทยได้มากขึ้น โดยปัจจุบันพบนักลงทุนเกาหลีเข้ามาลงทุนในเวียดนามสูงสุดเป็นอันดับ 1 ประกอบกับไทยยังเห็นโอกาสที่จะดึงดูดนักธุรกิจของเวียดนามที่มีเงินทุนสูงและศักยภาพพร้อมออกไปลงทุนยังต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในไทยได้เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งเบื้องต้นมอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม(สศอ.) กลับไปสรุปสถานการณ์และผลการหารือครั้งนี้ทั้งหมดเพื่อเป็นแนวทางกำหนดแผนดึงดูดการลงทุนเข้าไทย”
อย่างไรก็ตาม ในโอกาสที่ผู้นำเกาหลีใต้เดินทางมาร่วมประชุมประเทศไทยและหารือกับนายกรัฐมนตรี ทางกระทรวงอุตสาหกรรมจะชักจูงให้นักลงทุนเกาหลีเข้ามาลงทุนไทยมากขึ้น โดยรัฐบาลไทยจะจัดทำชุดมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่ตรงกับความต้องการของนักลงทุนเกาหลี พร้อมให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เตรียมนิคมอุตสาหกรรมรองรับนักลงทุนจากประเทศเกาหลีเป็นการเฉพาะ ส่วนด้านบุคลากรจะมีการประสานงานกับกระทรวงการอุดมศึกษาดูแลเตรียมความพร้อมต่อไป เป็นต้น
นายณัฐพล รังสิตพล ผู้อำนวยการสศอ. กล่าวว่า แม้ค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำของเวียดนามจะอยู่ในระดับต่ำกว่าไทย แต่สิ่งที่นักลงทุนไม่รับรู้ก่อนลงทุนคือ ค่าแรงงานขั้นต่ำดังกล่าวยังไม่ได้บวกค่าสวัสดิการต่างๆ ที่ต้องนำมานับรวมเป็นต้นทุนของผู้ประกอบการด้วย โดยเฉพาะข้อกำหนดที่เวียดนามระบุให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีส่งเสริมการลงทุนนั้นมีโควต้าจำกัด เมื่อผู้ประกอบการตัดสินใจลงทุนในเวียดนาม กลับไม่ได้สิทธิประโยชน์จริง
“ค่าแรงขั้นต่ำของเวียดนามต่ำกว่าไทยประมาณ 50% นั้น เรื่องดังกล่าวนี้ได้รับข้อมูลว่ายังมีค่าใช้จ่ายสิทธิประโยชน์ด้านสวัสดิการที่ต้องจ่ายให้กับแรงงานอีกด้วย ดังนั้น เมื่อคำนวณรายจ่ายรวมแล้ว ค่าแรงในเวียดนามไม่ได้ถูกกว่าค่าแรงไทยมากนัก แต่แรงงานไทยมีทักษะฝีมือแรงงานสูงกว่า ทำงานได้ผลผลิตและประสิทธิภาพที่สอดคล้องกับค่าจ้าง”
อย่างไรก็ดี ทางสถานทูตไทยประจำประเทศเวียดนาม ได้รายงานตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของเวียดนามช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมาว่าอยู่ที่ 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6 แสนล้านบาท ขณะที่ไทยมีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศประมาณ 7.5 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามไทยยังคงดำเนินนโยบายส่งเสริมการลงทุนสองทางทั้งการดึงดูดเม็ดเงินเข้ามาลงทุนในไทย และการส่งเสริมผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพออกไปลงทุนยังต่างประเทศเพื่อนำส่งรายได้กลับเข้าประเทศ