กรมศุลฯผนึกไอบีเอ็ม นำ ‘บล็อกเชน’ทรานส์ฟอร์ม ขนส่งทางเรือสู่ดิจิทัล

30 ส.ค. 2562 | 10:56 น.

กรมศุลกากร ร่วมไอบีเอ็มและเมอส์ก นำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้เพื่อพัฒนาการค้าระหว่างประเทศของไทย รู้ข้อมูลส่งสินค้าเรียลไทม์ตั้งแต่ตู้สินค้าออกจากท่าเรือต้นทาง ลดระยะเวลาการผ่านพิธีการศุลกากร ค่าใช้จ่าย ถือเป็นประเทศที่ 2 ในอาเซียนที่นำแพลตฟอร์มเทรดเลนส์มาใช้

การขนส่งสินค้าทางเรือ คิดเป็นสัดส่วน 80% โดยปัจจุบันมีการตรวจสินค้าที่เข้ามาในประเทศสัดส่วนประมาณ 20% เป้าหมายของกรมศุลกากร คือ อำนวยความสะดวกกับผู้นำเข้าสินค้าทางเรือ เพื่อให้นำเข้าสินค้าได้อย่างรวดเร็ว โดยนำเทคโนโลยีมาใช้ ล่าสุด ได้ร่วมมือกับ ไอบีเอ็ม ประเทศไทย และ เมอส์ก นำแพลตฟอร์ม “เทรดเลนส์” (TradeLens) ที่พัฒนาขึ้นบนเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในไทยเพื่อพัฒนาการค้าระหว่างประเทศ โดยแพลตฟอร์มดังกล่าว ทำให้กรมศุลกากรเป็นประเทศที่ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นประเทศที่ 3 ในเอเชีย-แปซิฟิกที่ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดังกล่าว

นายชูชัย อุดมโภชน์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาระบบสิทธิประโยชน์ศุลกากร กรมศุลกากร เปิดเผยว่า ความร่วมมือในการเชื่อมโยงข้อมูลบนแพลตฟอร์มเทรดเลนส์ทำให้กรมศุลกากรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งทางเรือระหว่างประเทศสามารถเข้าถึงข้อมูลทางการค้าระหว่างประเทศบนแพลตฟอร์มเดียวกันได้แบบ Real-time ซึ่งการตรวจปล่อยสินค้าล่วงหน้าจากข้อมูลบนแพลตฟอร์มเทรดเลนส์ กรมศุลกากรสามารถเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารความเสี่ยง (Risk Management) ในการควบคุมทางศุลกากร อีกทั้ง เป็นการลดระยะเวลาในการผ่านพิธีการศุลกากร ลดค่าใช้จ่าย และลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ สร้างความโปร่งใส ความพึงพอใจต่อผู้ใช้บริการ ตอบรับ Ease of doing business ภายใต้พันธกิจด้านอำนวยความสะดวกทางการค้า ด้านสังคม และความมั่นคงของประเทศ

กรมศุลฯผนึกไอบีเอ็ม นำ ‘บล็อกเชน’ทรานส์ฟอร์ม ขนส่งทางเรือสู่ดิจิทัล

โดยจะเริ่มนำร่องใช้แพลตฟอร์มดังกล่าวที่ท่าเรือแหลมฉบัง ภายใน 3 เดือนข้างหน้า ก่อนขยายผลมาใช้ในท่าเรือกรุงเทพ แพลตฟอร์มเทรดเลนส์ช่วยเปลี่ยนกระบวนการขนส่งให้เป็นระบบดิจิทัล ซึ่งจะช่วยให้กรมศุลกากรมีเครื่องมือในการติดตามแบบอัตโนมัติและแม่นยำ ส่งผลให้การทำงานมีความปลอดภัย โปร่งใส และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ Near Real-time ระหว่างสมาชิกเครือข่ายของทางระบบ โดยเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรสามารถทราบข้อมูลการส่งสินค้าเกือบจะในทันทีที่ตู้สินค้าออกจากท่าเรือต้นทาง ซึ่งจะทำให้เจ้าหน้าที่มีเวลาในการเตรียมรับสินค้าที่กำลังจะมาถึง และทำให้การตรวจสอบสินค้าผิดกฎหมายและสินค้าหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากรมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้การเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมเป็นไปอย่างสมํ่าเสมอและโปร่งใส

ด้านนางสาวปฐมา จันทรักษ์ รองประธานด้านการขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศอินโดจีน และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอบีเอ็ม ประเทศไทยฯ กล่าวว่า การร่วมมือกับทางกรมศุลกากรเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจทั้งภายในและระหว่างประเทศ โดยไอบีเอ็มเชื่อว่าแพลตฟอร์มเทรดเลนส์และการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ในหลายๆ ด้าน จะส่งผลดีให้ทุกฝ่ายในระบบนิเวศของการขนส่ง ซึ่งจะยกระดับการค้าการลงทุนให้ทันสมัยทั้งในระดับประเทศ ภูมิภาค และระดับสากล

 

ในแต่ละปีสินค้ามูลค่ากว่า 4 แสนล้านบาทถูกขนส่งระหว่างประเทศ โดย 80% ของสินค้าดังกล่าวส่งผ่านทางอุตสาหกรรมขนส่งทางทะเล ขั้นตอน ทางเอกสารต่างๆ สร้างความยุ่งยากให้ระบบขนส่งทั่วโลก ทั้งสร้างความไม่แน่นอน ความไม่ถูกต้องของข้อมูล ความล่าช้าหรือการหยุดชะงักในขั้นตอนการเช็กสินค้าและกรอกข้อมูลด้วยมือ ขาดการประเมินความเสี่ยง การสื่อสารที่ไร้ประสิทธิภาพและมีต้นทุนสูงจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และยังมีความไม่โปร่งใสอีกด้วย

ระบบ “เทรดเลนส์” คือ แพลตฟอร์มระบบดิจิทัลที่ใช้ในการค้าระหว่างประเทศที่ทำให้การติดตามระบบขนส่งมีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังสามารถแลกเปลี่ยนและแบ่งปันข้อมูลระหว่างผู้ใช้แพลตฟอร์มได้ ระบบดังกล่าวถูกพัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือของบริษัทขนส่ง เอ.พี.มอลเลอร์-เมอส์กและไอบีเอ็ม ที่เปลี่ยนกระบวนการขนส่งแบบเก่าที่ต้องใช้เอกสารมาเป็นระบบดิจิทัล ที่จะช่วยเสริมให้ระบบขนส่งครบวงจร มีความรวดเร็ว และถูกต้องแม่นยำ 

หน้า 11 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ | ฉบับ 3501 ระหว่างวันที่ 1 - 4  กันยายน 2562