สรุปสต๊อกข้าวเหนียวทั่วไทย 4.2 หมื่นตัน คน.ลุยผลิตข้าวถุงขายกก.ละ 35บาทลดเดือดร้อน

28 ส.ค. 2562 | 08:27 น.

พาณิชย์สรุปสต๊อกข้าวเหนียวทั่วประเทศ 4.2 หมื่นตัน ส่งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอีกรอบ ขู่แจ้งเท็จโทษหนัก พร้อมเดินหน้าเร่งผลิตข้าวเหนียวบรรจุถุงขายกก.ละ 35 บาทในแบรนด์กรมการค้าภายใน ให้สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงฯเป็นผู้ผลิตโดยได้รับค่าจ้าง เป้าเบื้องต้น 3 แสนถุง ขายผ่านร้านธงฟ้า และในห้างฯทั่วไทย เริ่มขายปลายสัปดาห์หน้า ยันทำแค่ชั่วคราวไม่บิดเบือนกลไกตลาด

 

 

จากที่นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในตรวจสอบสต๊อกข้าวเหนียวจากผู้ค้า ผู้ส่งออก และโรงสีทั่วประเทศ เพื่อป้องกันการกักตุนข้าวเหนียวและปั่นราคา หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคว่าเวลานี้ข้าวเหนียวมีราคาแพงเป็นประวัติการณ์สร้างความเดือดร้อน โดยให้ผู้ประกอบการข้างต้นได้รายงานสต๊อกมายังกรมการค้าภายในภายในเวลา 16.30 น.ของวันที่ 27 สิงหาคม 2562 นั้น

นายวิชัย  โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน(คน.) เผยว่า ทางกรมได้สรุปรายงานปริมาณสต๊อกข้าวเหนียวมีผู้ยื่นรายงานเข้ามาทั้งสิ้น 660 รายใน 57 จังหวัด รวมปริมาณข้าวเหนียวที่อยู่ในมือผู้ค้าข้าวทั้งระบบกว่า 42,096 ตัน แบ่งเป็นข้าวเปลือกเหนียว 8,178 ตัน  ข้าวสารเหนียว 21,984 ตัน และปลายข้าวสารเหนียวอีก 11,934 ตัน

สรุปสต๊อกข้าวเหนียวทั่วไทย 4.2 หมื่นตัน คน.ลุยผลิตข้าวถุงขายกก.ละ 35บาทลดเดือดร้อน

                                                  วิชัย  โภชนกิจ

ทั้งนี้ได้สั่งการให้ตรวจสอบความผิดปกติ โดยให้พาณิชย์จังหวัด รวมทั้งจัดหน่วยเคลื่อนที่เร็วออกตรวจสอบซ้ำว่ามีการแจ้งตัวเลขตรงกับสต๊อกที่มีอยู่จริงหรือไม่ ซึ่งหากพบแจ้งไม่ตรงจะดำเนินการตามกฎหมายทันที คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2-3 วัน เมื่อได้สต๊อกที่ชัดเจนแล้วจะได้บริหารจัดการสต๊อกเพื่อทำข้าวเหนียวบรรจุถุงให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด

ขณะที่วันนี้(28 ส.ค.2562)ได้เชิญภาคเอกชน 3 กลุ่ม ได้แก่ ผู้ผลิตข้าวถุง ผู้ประกอบการโรงสีข้าว และห้างค้าปลีกทั้งบิ๊กซี โลตัส แม็คโคร และเซ็นทรัล มาหารือแนวทางการจัดทำข้าวเหนียวบรรจุถุง ได้ข้อสรุปให้ร่วมกันจัดหาข้าวเหนียวที่มีอยู่มาให้สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทยเป็นผู้ดำเนินการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐาน ในแบรนด์ของกรมการค้าภายใน โดยใช้ชนิดข้าวเหนียว 10% ปีการผลิต 2561/2562 ในการผลิต เพื่อป้องกันการนำข้าวเสื่อมคุณภาพมาทำข้าวถุง

สรุปสต๊อกข้าวเหนียวทั่วไทย 4.2 หมื่นตัน คน.ลุยผลิตข้าวถุงขายกก.ละ 35บาทลดเดือดร้อน

เบื้องต้นจะทำข้าวเหนียวถุงประมาณ 2-3 แสนถุง แบ่งทำขนาดถุงละ 2  กิโลกรัม(กก.) และถุงละ 5 กก. จำหน่ายในราคา 35 บาทต่อ กก. จากราคาตลาดเวลานี้เฉลี่ยที่ 40-50 บาทต่อกก.(หรือถูกกว่า 10-15 บาทต่อ กก.)  เป้าหมายเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย โดยจะวางจำหน่ายในร้านธงฟ้าพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นประมาณ 4 หมื่นแห่ง เน้นที่ภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง โดยซื้อได้ทั้งผู้มีบัตรและผู้ไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมทั้งกระจายไปในห้างค้าปลีก(การซื้อในห้างมีเงื่อนไขให้เฉพาะผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งเป็นผู้มีรายได้น้อย และซื้อได้ไม่เกิน 3 ถุงสำหรับถุงขนาด 2 กก. และไม่เกิน 1 ถุง สำหรับขนาด 5 กก.)คาดจะเริ่มจำหน่ายได้ภายในปลายสัปดาห์หน้า หากไม่เพียงพอกับความต้องการก็สามารถเพิ่มเติมได้ แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้กระทบกับข้าวฤดูกาลใหม่ที่กำลังทยอยออกสู่ตลาด ซึ่งหากมากเกินไปจะกระทบกับราคาข้าวของเกษตรกรได้

 

นายวิชัยกล่าวอีกว่าโครงการนี้จะใช้ข้าวสารเหนียวปริมาณ 500-1,000 ตัน ซึ่งสมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงไทยจะเป็นผู้จัดหาจากโรงสี และตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพข้าว ที่จะต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่กรมฯ กำหนด โดยต้องเป็นข้าวเหนียวปี 2561/2562 เท่านั้น และจะต้องมีคุณภาพดี ไม่มีสีคล้ำ ไม่มีกลิ่นอับ ส่วนงบประมาณในการดำเนินการ สมาคมผู้ประกอบการข้าวถุงฯจะได้ค่าบรรจุ ขณะที่ค่าขนส่ง กำลังต่อรองกับผู้ประกอบการที่จะเข้ามาช่วยอยู่ หรืออาจจะใช้กลไกที่สมาคมฯ มีอยู่ในการช่วยกระจาย

ทั้งนี้ยืนยันว่า การผลิตข้าวเหนียวถุงออกมาจำหน่าย ไม่เป็นการบิดเบือนกลไกตลาด เพราะช่วยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้น้อย และเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วน โดยหากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย ก็อาจจะต้องผลิตเพิ่ม แต่จะไม่ทำมากไป เนื่องจากอาจจะส่งผลกระทบต่อราคาข้าวเปลือกเหนียวที่กำลังจะออกสู่ตลาด ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเดือนกันยายนนี้ไปแล้ว สถานการณ์จะดีขึ้น หลังจากที่ผลผลิตข้าวเปลือกเหนียวเริ่มออกสู่ตลาด

สรุปสต๊อกข้าวเหนียวทั่วไทย 4.2 หมื่นตัน คน.ลุยผลิตข้าวถุงขายกก.ละ 35บาทลดเดือดร้อน

“เชื่อว่า ปัญหาข้าวเหนียวขาดแคลนจะคลี่คลายลงในปลายเดือนกันยายนนี้ เนื่องจากผลผลิตทยอยออกสู่ตลาดแล้ว ขอเตือนชาวนาอย่าปลูกข้าวเหนียวมากเกินไป เพราะตลาดข้าวเหนียวค่อนข้างแคบเมื่อเทียบกับข้าวขาวและหอมมะลิ โดยให้รักษาระดับการผลิตไว้ให้อยู่ในระดับปกติที่มีผลผลิตเฉลี่ยปีละ 6-7 ล้านตันข้าวเปลือก"