"จุรินทร์" บี้ 58 ทูตพาณิชย์ ดันเป้าส่งออกโต 3 %

28 ส.ค. 2562 | 06:52 น.

"จุรินทร์" มอบนโยบายทูตพาณิชย์-ทูตเกษตร และพาณิชย์จังหวัด ผนึกกำลังขยายการค้าไทย สั่งแปลงร่างเป็นเซลล์แมนลุยเจรจาลูกค้าช่วยเอกชนหวังพลิกสถานการณ์ให้ดีขึ้นใน 3-6  เดือน เล็งเป้าโต 3% ต้องไปให้ถึง

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานประชุมมอบนโยบายเพื่อเชื่อมโยงการปฏิบัติงานของกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ฯ เพื่อเป้าหมายและสถานการณ์การส่งออกของไทย ปี 2562 มีนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ อธิบดี ผู้บริหารระดับสูงของทั้ง 2 กระทรวง ทูตพาณิชย์ทั่วโลก (58 สำนักงาน) พาณิชย์จังหวัดและทูตเกษตร รวมทั้งภาคเอกชนเข้าร่วมโดย ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ต้องเร่งรัดดำเนินตามนโยบายรัฐบาลเกี่ยวกับสถานการณ์การส่งออกของไทย หลังจากมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2562 เห็นชอบการขับเคลื่อนการส่งออกให้ขยายตัวได้ร้อยละ 3.0 ในช่วงครึ่งหลังของ ปี 2562 และ ร้อยละ 3.5 ในปี 2563 โดยการเร่งหาโอกาสจากการส่งออกและปรับเปลี่ยนทิศทางการค้าจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่าง สหรัฐอเมริกา – จีน

 "จุรินทร์" บี้ 58 ทูตพาณิชย์ ดันเป้าส่งออกโต 3 %

โดยรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ใช้เวลาแลกเปลี่ยนข้อมูลกับทูตพาณิชย์ที่รับผิดชอบในภูมิภาคต่างๆ ของโลกก่อนจะกล่าวมอบนโยบายว่า ขอมอบหน้าที่ให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลกทำหน้าที่ส่งเสริมการขาย สนับสนุนเอกชนให้สามารถเพิ่มศักยภาพการส่งออกภายใต้นโยบายรัฐบาลและนโยบายกระทรวงให้เกิดเป็นรูปธรรมให้บรรลุเป้าตามนโยบาย 10 ข้อ และตัวเลขโตตามเป้าหมายโดยเน้นว่านโยบายการประกันรายได้เกษตรกร ผลิตภัณฑ์ 5 ชนิด ได้แก่ ข้าว ปาล์มน้ำมัน ยางพารา มันสำปะหลัง และข้าวโพด ทั้งนี้ต้องการให้ส่งเสริมการส่งออกมากขึ้นเพื่อให้ราคาตลาดสูงขึ้น ให้ทูตเกษตรช่วยดูเรื่องการกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร และช่วยเจรจาเพื่อขอขยายเวลาหรือเงื่อนไขต่างๆที่เป็นอุปสรรค พร้อมเร่งรัดเจรจาในมาตรฐานสินค้าและแก้ไขปัญหาการตรวจสินค้า

 "จุรินทร์" บี้ 58 ทูตพาณิชย์ ดันเป้าส่งออกโต 3 %

นายจุรินทร์ ระบุว่า ขอให้บทบาทของการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะต้องทำงานอย่างมืออาชีพ ปฏิบัติหน้าที่อย่างครบถ้วน และคิดกลยุทธ์ใหม่ ตามอำนาจหน้าที่ เพราะการทำแบบเดิมทำให้ผลลัพธ์เหมือนเดิมเป็นเรื่องยาก เพราะปัจจุบันสถานการณ์เปลี่ยน ไม่ต้องเลิกของเก่าที่ดีอยู่แล้วแต่ให้เพิ่มสิ่งใหม่ที่ดีขึ้น และต้องการให้ทูตพาณิชย์ปรับตัวเป็นผู้นำทัพเสริมง่นเอกชนให้สามารถส่งออกเพิ่มได้ และปรับเป็นพนักงานขายกิตติมศักดิ์เพื่อให้ผ่านสถานการณ์การค้าโลกในปัจจุบันโดยเฉพาะการขายสินค้าแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) หรือจีทูซี ให้มากขึ้น

 

 "จุรินทร์" บี้ 58 ทูตพาณิชย์ ดันเป้าส่งออกโต 3 %

 "ทูตพาณิชย์จะต้องรู้จักสินค้า และบริการ รวมถึงคุณภาพของสินค้าไทยอย่างลึกซึ้ง เพื่อให้เกิดการสร้างภาพลักษณ์ และขายแข่งกับผู้ค้าในตลาดโลกได้ และวาระนี้ให้กลับมาอัพเดตข้อมูลเรื่องสินค้าในรัฐบาลนี้ให้เข้าใจอีกรอบ ทุกคนต้องทำงานเชิงรุก อย่างมืออาชีพ ให้ทำแผนปฏิบัติการอย่างเป็นรูปธรรมในช่วงระยะ 3 – 6 เดือน ทั้งนี้การไปแต่ละครั้งจะต้องเกิดผล เห็นผล เพื่อให้ตัวเลขส่งออกเพิ่มสูงขึ้น ส่วนบทบาทของทูตเกษตรนั้นต้องการให้ดูแลเรื่องมาตรฐาน เงื่อนไข ข้อกำหนดเกี่ยวกับสินค้าเกษตร ที่ต่างประเทศกำหนด  และเร่งรัดการเจรจาเพื่อปลดล็อก หรืออย่างน้อยขอยืดเวลาเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการส่งออกสินค้าเกษตรไทย"

 

ด้านบทบาทพาณิชย์จังหวัด ต้องการให้เน้นเรื่องการจดทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์(GI) เพื่อรองรับสินค้าตามถิ่นกำเนิดในจังหวัด ท้องถิ่นนั้น ๆ ให้ค้นหาสินค้าที่จะสามารถขึ้นทะเบียน GI ได้และให้ช่วยดูเรื่องการค้าชายแดนเพิ่มด้วย ทั้งช่วยคลี่คลายปัญหาในฝั่งประเทศไทยจะช่วยเพิ่มตัวเลขการส่งออกได้ นอกจากนั้นด้านนโยบายโชวห่วยให้พาณิชย์จังหวัดช่วยเสริมจากร้านธงฟ้า เร่งรัด เป็นระบบ มีเป้าหมายชัดเจน ส่งเสริมความรู้ใช้ Software เข้าไปช่วยเรื่องการจัดการ Stock ให้กับร้านค้าโชว์ห่วยในท้องถิ่นด้วย

 

รายงานของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ระบุว่าด้วยว่าได้มีการประเมินสถานการณ์ส่งออกของภาคเอกชนโดยแยกเป็นส่งออกในกลุ่มสินค้าสำคัญ สัดส่วน 75% ซึ่งมีสินค้าเกษตร ข้าว มันสำปะหลัง ยาง อาหาร และน้ำตาล ส่วนสินค้าด้านอุตสาหกรรม มีรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เคมีภัณฑ์ วัสดุก่อสร้าง อัญมณีและเครื่องประดับ สิ่งทอ น้ำมันสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องจักรกล เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก

 "จุรินทร์" บี้ 58 ทูตพาณิชย์ ดันเป้าส่งออกโต 3 %

โดยข้อเสนอของภาคเอกชน เพื่อเพิ่มการส่งออกสินค้าสำคัญคือสินค้าเกษตรนั้น มีการเสนอแนะให้จัดคณะผู้แทนการค้าเพื่อฟื้นฟูตลาด เจรจากับประเทศคู่ค้าแบบจีทูจี พร้อมสร้างความสัมพันธ์การค้าข้าวกับคู่ค้า เข้าร่วมการแสดงสินค้าในต่างประเทศมากขึ้น และให้เกษตรกรไทยพัฒนาการผลิตข้าวนุ่มเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดโลกมากขึ้น ด้านยางพารานั้น สนับสนุนให้ผู้ประกอบการรายใหญ่เปลี่ยนจากผลิตยางพาราเป็นการผลิตผลิตภัณฑ์ยางพาราแทน เพื่อเพิ่มมูลค่าในการไปแปรรูปส่งออก โดยการหาตลาดและทำผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ด้านมันสำปะหลังให้ความรู้ และเชิญชวนให้เกษตรกรพัฒนาการเพาะปลูก เพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้ได้ และลดต้นทุนของเกษตรกร ทำให้สามารถแข่งขันกับพืชชนิดอื่นได้

 

ส่วนด้านอาหารก็ขอให้มีการเร่งรัดการเจรจา FTA ระหว่างไทย – สหภาพยุโรป และไทย-อังกฤษ เพื่อเปิดตลาดยิ่งขึ้นเป็นต้น นอกจากนั้นยังมียุทธศาสตร์การรักษาตลาดเดิมเช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น อาเซียน และจีน และการเปิดตลาดใหม่ที่เอเชียใต้ ละตินอเมริกา รัสเซีย และตะวันออกกลาง รวมทั้งฟื้นฟูส่วนแบ่งตลาดที่เคยขยายตัวได้ดี เช่น อิรัก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และบาห์เรน เป็นต้น