เอกชนรับลูก"จุรินทร์" สั่งกรมการค้าภายใน ตรวจสอบสต๊อกข้าวเหนียว หวั่นกักตุนปั่นราคา ล่าสุดโรงสี ท่าข้าว ผู้ส่งออก ผู้ค้าส่ง แห่รายงานสต๊อกแล้ว 280 ราย ปริมาณ รวม 50,000 ตัน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีการแก้ไขปัญหาราคาข้าวเหนียวที่แพงมาก และสร้างความเดือดร้อนให้บริโภคเวลานี้ จึงได้สั่งการให้กรมการค้าภายในตรวจสอบสต๊อกข้าวเหนียวทั่วประเทศเพื่อป้องกันการกักตุนซึ่งเป็นความผิดอาญามีโทษจำคุกและปรับตามกฏหมายนั้น ล่าสุด ณ เวลา 14.00น.(วันที่ 27 ส.ค.2562)มีผู้รายงานสต๊อกข้าวเหนียวทั่วประเทศเข้ามาแล้ว 280 ราย คิดเป็นข้าวเปลือกประมาณเกือบ 50,000 ตัน
ทั้งนี้รายงานแจ้งว่าปริมาณสต๊อกข้าวเหนียวตามประกาศสำนักคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการฉบับที่ 24 พ.ศ. 2562 ผู้ยื่นรายงานจำนวน 280 ราย แยกรายละเอียดดังนี้คือข้าวเปลือก 49,878 ตัน คิดเป็นข้าวสาร(1) 32,919 ตัน ประเภทข้าวสาร(2) 7,910 ตันรวมเป็นข้าวสารทั้งสองประเภท 40,830 ตันส่วนปลายข้าวมี 3,407 ตัน ทั้งหมดเป็นข้อมูลผู้ประกอบการค้าข้าวจำนวน 41 จังหวัด
ด้านนายสุพจน์ แซ่ตัง เจ้าของโรงสีหนองหารไทยง่วน อ.หนองหาร จ.อุดรธานี เจ้าของข้าวถุงตรา “เสือชูธง” กล่าวถึงกรณีที่กระกระทรวงพาณิชย์ จะมีการใช้ประกาศตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว ฉบับที่ 150 ออกหนังสือสั่งการให้ผู้ที่อยู่ในแวดวงการค้าข้าวทั้งหมดทั้งในประเทศและส่งออก รวมทั้งโรงสีและผู้ค้าส่ง ได้รายงานสต๊อกข้าวเหนียวมาที่กรมการค้าภายใน ภายในวันที่ 27 ส.ค. นี้ว่าโรงสีพร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานราชการทั้งการรายงานปริมาณข้าวที่มีอยู่และการเปิดให้ตรวจสอบปริมาณข้าวในโกดัง ซึ่งเป็นหน้าที่ ที่ผู้ประกอบการต้องทำอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยเกิดปัญหาภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วงทำให้ปริมาณข้าวเหนียวที่ออกมามีน้อยกว่าปกติ ทำให้ขาดตลาดชาวนาก็เก็บข้าวไว้บริโภคเอง เมื่อสินค้ามีในตลาดน้อยก็ย่อมให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งก็เป็นไปตามกลไกตลาด ทั้งนี้ปกติข้าวเหนียวจะเป็นข้าวที่ผลิตไว้เพื่อการจำหน่ายและบริโภคภายในประเทศเท่านั้นไม่มีการเก็บสต๊อกเพื่อกักตุนไว้ทำกำไรอย่างที่หลายฝ่ายสงสัยเพราะการเก็บสต๊อกข้าวไว้กับตัวเองถือเป็นารแบกรับความเสี่ยงอย่างหนึ่ง เพราะสถานการณ์ราคาข้าวผันผวนไม่แน่นอน