สื่อจับโป๊ะทรัมป์ยกเมฆ จีนย้ำไม่ได้โทรขอเปิดโต๊ะเจรจา

27 ส.ค. 2562 | 08:43 น.

พิษทรัมป์พ่นทำตลาดป่วน นักวิเคราะห์เตือนนักลงทุนเช็คข้อมูลให้ดีหลังสหรัฐฯและจีนให้ข้อมูลไม่ตรงกันในประเด็นการกลับมาสู่โต๊ะเจรจาการค้าอีกครั้ง

 

ดัชนีหุ้นวอลล์สตรีทพุ่งแรงอีกครั้งในวันจันทร์(26 ส.ค.) หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐอเมริกา พูดถึงความเป็นไปได้ในการรื้อฟื้นการเจรจาการค้ากับจีน โดยเขากล่าวในที่ประชุม G7 ซัมมิท ที่ประเทศฝรั่งเศสว่า เขาเชื่อว่าจีนมีความจริงใจ และมีความต้องการ อย่างมากที่จะทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ  ผมไม่แน่ใจว่าจีนจะมีทางเลือกอื่น นอกจากทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ”  แต่ท่าทีดังกล่าวได้ก่อให้เกิดข้อกังขาว่า สิ่งที่ผู้นำสหรัฐฯพูดนั้นเชื่อถือได้แค่ไหน โดยเฉพาะเมื่อเขาอ้างถึงการที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงสุดของจีนโทรมาเมื่อคืนวันอาทิตย์ (25 ส.ค.) เพื่อขอให้สหรัฐฯกลับเข้าสู่โต๊ะการเจรจา

ประธานาธิบดีทรัมป์อ้างว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนโทรมาเพื่อขอกลับสู่โต๊ะเจรจาการค้า แต่เมื่อถูกซักมากเข้าเขาบอกว่า ไม่อยากพูดเรื่องนี้อีกแล้ว

ประธานาธิบดีทรัมป์อ้างว่า เจ้าหน้าที่สหรัฐฯได้รับโทรศัพท์จากคณะผู้แทนเจรจาของจีน และบอกว่าทั้งสองฝ่ายจะหวนคืนสู่โต๊ะเจรจาอีกครั้ง แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งคำพูดดังกล่าวต่อมาได้กลายเป็นประเด็นร้อนที่มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ถึง ความน่าเชื่อถือในคำพูดของเขาไม่ว่าจะเป็นคำพูดจากปากหรือการระบายออกมาผ่านข้อความทวิตเตอร์
 

 

ที่ปรึกษาการลงทุนรายหนึ่งถึงกับแนะนำผู้ลงทุนว่า ตลาดไม่ควรตื่นตามเนื้อหาจากทวิตเตอร์รายวันของผู้นำสหรัฐฯมากจนเกินไป และแนะนำว่านักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ ควรจะรอดูผลลัพธ์การขึ้นภาษีการค้าในวันที่ 1ก.ย. และให้จับตาการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ช่วงวันที่ 12-19 ก.ย.ก่อนพิจารณาเข้าลงทุนจะดีกว่า

 

ทั้งนี้ ทางฝั่งจีนได้มีการรายงานผ่านสื่อท้องถิ่นว่า ไม่ได้มีการสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่างเจ้าหน้าที่จีนและสหรัฐฯแต่อย่างใด  โดย นาย หู สีจิน บรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ โกลบอล ไทมส์ของจีน ทวีตข้อความยืนยันว่า คณะเจรจาการค้าจากทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ "เท่าที่ผมทราบ เจ้าหน้าที่เจรจาการค้าจากจีนและสหรัฐไม่ได้สนทนากันทางโทรศัพท์ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายติดต่อกันในระดับเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิค และไม่ได้มีความสำคัญมากอย่างที่ประธานาธิบดีทรัมป์พูดไว้ โดยจีนยังคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงจุดยืน และไม่ได้ยอมแพ้ต่อแรงกดดันจากสหรัฐ"  นายหูกล่าว  

 

หนังสือพิมพ์โกลบอล ไทมส์ ของเขาเป็นสื่อในเครือเดียวกันกับพีเพิลส์ เดลี่ ซึ่งเป็นสื่อทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน บรรณาธิการข่าวผู้นี้มีผู้ติดตามทวิตเตอร์ของเขา เป็นเทรดเดอร์และนักลงทุนในตลาดวอลล์สตรีทจำนวนมากในฐานะที่เขาเป็นผู้ที่มีความรอบรู้เชิงลึกเกี่ยวกับสถานการณ์การเผชิญหน้าทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ

 

เนื้อหาในทวิตเตอร์ของนายหู สีจิน เป็นเนื้อหาระดับ ‘คนวงใน’ ที่เคยได้รับการพิสูจน์ความแม่นยำมาแล้ว โดยก่อนหน้านี้ เมื่อเช้าวันศุกร์ที่ 23 ส.ค. นายหูทวิตเตือนว่า จีนกำลังจะมีมาตรการตอบโต้สหรัฐฯออกมา และไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น ทางการจีนก็ประกาศจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯในวงเงิน 75,000 ล้านดอลลาร์ดังที่เป็นข่าวไปทั่วโลกในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

เพียงในช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้พูดหรือทวิตหลายๆเรื่อง ที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดหรือมีเนื้อหาย้อนแย้งกันเอง

ด้านนายเกิง ชวง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน ก็ได้ออกมาแถลงข่าวเมื่อวันจันทร์ (26 ส.ค.) ยืนยันด้วยว่า เขายังไม่ได้รับทราบข่าวว่าทั้งสองฝ่ายได้มีการหารือกันทางโทรศัพท์ “ผมบอกพวกคุณได้ชัดๆเลยว่า ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน” พร้อมกันนี้ยังยืนยันว่า จีนจะต่อสู้ให้ถึงที่สุดและจะไม่ยอมรับการข่มขู่ทางการค้าหรือการกดดันใดๆจากสหรัฐฯ “ผมอยากจะเตือนฝ่ายสหรัฐฯอีกครั้งว่า การขู่คุกคามหรือการเย้ยหยัน เป็นวิธีการที่ไม่มีวันจะใช้ได้ผลกับจีน”  โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนกล่าว

 

เมื่อมีการกลับมาถามย้ำประธานาธิบดีสหรัฐฯเพื่อขอรายละเอียดเกี่ยวกับการสนทนาทางโทรศัพท์ดังกล่าว นายโดนัลด์ ทรัมป์ก็ตอบปัดว่า ไม่อยากจะพูดเรื่องนี้อีกแล้ว และเมื่อสื่อถามว่า เขาคิดว่าการออกมาพูดเรื่องประเด็นการค้าที่มีเนื้อหาย้อนแย้งกันไปมาจะยิ่งกระพือความไม่มั่นใจให้กับตลาดโลกหรือเปล่า ผู้นำสหรัฐฯตอบว่า มันเป็นเรื่องของวิธีการเจรจา เขาใช้วิธีการแบบนี้และมันก็ได้ผลดีมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาคิดว่าวิธีนี้จะยิ่งใช้ได้ดีมากขึ้นไปอีกกับผลประโยชน์ระดับประเทศ  

 

ด้านโฆษกของสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) ไม่ยอมตอบคำถามสื่อเช่นกันว่าฝ่ายจีนมีการติดต่อมาทางโทรศัพท์เพื่อขอรื้อฟื้นการเจรจาจริงหรือไม่และเป็นการสนทนาระหว่างใครกับใคร

 

ตามกำหนดเดิมนั้น คณะเจรจาการค้าของทั้งสองฝ่ายจะพบกันที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ แต่ยังไม่มีการระบุวันเวลา

 

 

 

อย่างไรก็ตาม สื่อสหรัฐฯรายงานว่า เพียงในช่วงเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ได้พูดหรือทวิตหลายๆเรื่องที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดหรือมีเนื้อหาย้อนแย้งกันเอง เช่นเมื่อวันศุกร์ที่ 23 ส.ค.เขาเพิ่งทวิตหยกๆว่า นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีนนั้น เป็น ศัตรู ของสหรัฐฯ แต่มาวันจันทร์ (26 ส.ค.) เขาก็บอกว่านายสี จิ้นผิง เป็น ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ และเป็น บุรุษที่ฉลาดหลักแหลม นอกจากนี้ เขายังกล่าวในช่วงสุดสัปดาห์ระหว่างมาร่วมการประชุม G7 ที่ประเทศฝรั่งเศสว่า หลังจากตอบโต้จีนด้วยการตั้งกำแพงภาษีไปเมื่อวันศุกร์ เขาเคยกลับมาคิดใคร่ครวญเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ซึ่งหลายคนตีความว่าเขากลับมาคิดทบทวนด้วยความรู้สึกเสียใจที่ไม่ควรปล่อยให้สงครามการค้าบานปลายมาถึงขนาดนี้ แต่หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวก็ออกมาแถลงชี้แจงคำพูดของผู้นำสหรัฐฯว่า เขาไม่ได้คิดทบทวนด้วยความรู้สึก ‘เสียใจ’ แต่รู้สึก ‘เสียดาย’ มากกว่าที่ไม่ได้ขึ้นภาษีสินค้าจีนให้หนักกว่านี้