สศอ.เผยดัชนีเชื่อมั่นอุตฯเดือนกรกฏาคมลดลงอยู่ที่ 93.5% ชี้เป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7เดือน ด้านดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม หดตัวลง 3.23% เหตุได้รับผลกระทบจากแนวโน้มเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ชะลอตัวต่อเนื่อง
นายอิทธิชัย ยศศรี รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนกรกฎาคม 2562 หดตัว 3.23% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนี MPI เดือนกรกฎาคม 2562 ได้แก่ รถยนต์และเครื่องยนต์ น้ำมันปิโตรเลียม เหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน ผลิตภัณฑ์ยาง และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
ทั้งนี้ สาเหตุหลักมาจากผลกระทบจากเศรษฐกิจและการค้าโลกที่ชะลอตัวต่อเนื่องส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและคำสั่งซื้อจากตลาดต่างประเทศชะลอตัวลง ยกเว้นน้ำมันปิโตรเลียมที่มีการซ่อมบำรุงโรงกลั่น ในขณะที่อุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลบวกต่อ MPI ได้แก่ การกลั่นและการผสมสุรา เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน น้ำมันปาล์ม เฟอร์นิเจอร์ และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์
“ประเด็นสำคัญที่ส่งผลต่อการผลิตเดือนกรกฎาคมได้แก่การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมหักทองทรงตัว หรือขยายตัว 0.004% ส่วนการผลิตรถยนต์ลดลง 6.7% โดยลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ซึ่งมาจากทั้งยอดขายในประเทศและยอดส่งออกที่หดตัว 1.1% และ 8.9% ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมลดลงมาอยู่ที่ 93.5% จากที่อยู่ในระดับ 94.5% ในเดือนมิถุนายนซึ่งต่ำสุดในรอบ 7 เดือน”
สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ยังคงขยายตัวในเดือนกรกฎาคม ได้แก่ การกลั่นและการผสมสุรา ขยายตัวเพิ่มขึ้น 72.01% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผู้ประกอบการได้ทำการตลาดโดยได้ปรับภาพลักษณ์ของสินค้าและการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งมีการตอบรับที่ดีทำให้มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ,เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน ขยายตัวเพิ่มขึ้น 15.66% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากตลาดในประเทศที่มีความต้องการสินค้าต่อเนื่อง รวมถึงตลาดส่งออกได้รับคำสั่งซื้อจากประเทศ CLMV โดยเฉพาะประเทศเวียดนามและเมียนมาร์
ขณะที่น้ำมันปาล์ม ขยายตัวเพิ่มขึ้น 25.72% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์ น้ำมันปาล์มดิบ ที่เพิ่มขึ้นจากตลาดในประเทศและส่งออกตามปริมาณผลปาล์มที่ออกสู่ตลาดจำนวนมาก รวมถึงนโยบายส่งเสริมการใช้น้ำมันดีเซล B20 เพื่อลดสต็อกน้ำมันปาล์มและดึงราคาปาล์มให้สูงขึ้น ,เฟอร์นิเจอร์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 17.91% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลิตภัณฑ์เครื่องเรือนทำด้วยไม้ โดยได้เร่งผลิตและส่งมอบตามคำสั่งซื้อของลูกค้าต่างประเทศโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา
ส่วนเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 9.28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยขยายตัวเพิ่มขึ้นในเกือบทุกผลิตภัณฑ์ ยกเว้นน้ำแร่ เนื่องจากผู้ประกอบการได้ขยายตลาดในทุกช่องทางจัดจำหน่าย รวมถึงการปรับขนาดบรรจุภัณฑ์ให้มีความหลากหลายและการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อเป็นทางเลือกของผู้บริโภคมากขึ้น