'หัวหน้าดี - ไม่ดี' มีผลต่อการเลือกงาน

31 ส.ค. 2562 | 06:00 น.

วันนี้ขอหยิบยกเรื่องราวดีๆ จาก "โลกบนไลน์ by Apiwut" ของ “อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา” ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริษัท สลิงชอท กรุ๊ปจํากัด อีกซักครั้ง กับคำถามในงานปฐมนิเทศการเริ่มต้นทำงานใหม่ของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งผู้บริหารท่านนี้ ได้หยิบยกคำถามที่น่าสนใจเกี่ยวกับ...ควรเลือกทำงานที่ไหนดี ระหว่าง องค์กรดีแต่หัวหน้าไม่ดี กับ องค์กรไม่ดีแต่หัวหน้าดี ?

ความเห็นของ "อภิวุฒิ" คือ ถ้ามีโอกาสได้ทำงานในองค์กรดีๆ ที่มีชื่อเสียง ประวัติการทำงานก็ดีไปด้วย รายละเอียดใน Resume ก็จะสวยงาม ในขณะเดียวกัน ถ้าได้ทำงานกับหัวหน้าเก่งๆ ดีๆ ก็มีโอกาสเรียนรู้ทั้งวิธีการทำงานและแนวคิด ถ้าได้ทั้งสองอย่างในคราเดียว ก็นับว่าโชคดียิ่งนัก แต่ถ้าเลือกได้อย่างเดียวและต้องเสียอีกอย่างไป ให้เลือกทำงานในองค์กรดีๆ ด้วยเหตุผล 2-3 ประการ

1. อย่างที่บอก ใน Resume เขียนแค่ว่า เราทำงานอะไร ในองค์กรใด ไม่ได้เขียนว่าเราทำงานกับหัวหน้าคนไหน ชื่ออะไร

2. ถ้าองค์กรดีจริง แต่หัวหน้าไม่ดี ก็หวังว่าวันหนึ่งองค์กรคงรู้และหาทางปรับเปลี่ยน หรือกำจัดหัวหน้าคนนั้นออกไป

3. ถ้าองค์กรไม่ดี แม้จะมีหัวหน้าที่ดี ไม่นานเขา/เธอก็คงลาออกไปหาองค์กรดีๆ อยู่ ถ้าเรายึดติดอยู่กับตัวบุคคล โอกาสจะประสบเคราะห์กรรม ตอนที่เขา/เธอสละเรือ ก็มีสูงมาก

นอกจากมุมมองและคำแนะนำในการเลือกทำงานในองค์กร ที่มีหัวหน้าดีหรือไม่ดีแล้ว "อภิวุฒิ" ยังแนะนำหนังสือ Not Doing (แปลเป็นไทยก็ประมาณ “อย่าทำ”) แต่งโดย Diana Renner และ Steven D’Souza ซึ่งสามารถนำมาใช้ประโยชน์กับชีวิตคนทำงานได้เป็นอย่างดี

ผู้เขียนแนะนำว่า ชีวิตของคนส่วนใหญ่วุ่นวายและไม่ประสบความสำเร็จเพราะวันๆ คิดแต่จะทำอะไรเพิ่มดี เพื่อให้ประสบความสำเร็จมากขึ้น ยิ่งทำมาก เลยยิ่งไม่สำเร็จ เพราะเกินกำลังและไม่มีโฟกัส
'หัวหน้าดี - ไม่ดี' มีผลต่อการเลือกงาน
หนังสือเล่มนี้แนะนำวิธีการ หยุด ไม่ทำ ปล่อยวาง อยู่เฉยๆ บ้าง หลายๆ วิธี อาทิ ...

Pause : พักสักแพร๊บ

Creat Space : ขออยู่คนเดียวสักระยะ

Presence : อยู่กับปัจจุบัน คอยดูสิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นไป

Silence : อยู่เงียบๆ สักพัก

Wait : ฝึกที่จะรอ

Deep Listening : ฟังอย่างตั้งใจ ไม่ต้องคิดตาม ไม่ต้องตอบโต้

Boredom : หัดอยู่แบบเบื่อๆ ไม่ต้องทำอะไรบ้าง

Step Back : ถอยหลังสักก้าว เผื่อจะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในมุมมองใหม่

Let Go : ปล่อยวาง

Unlearn the Doing Instinct : ลบล้างความรู้สึกว่าอยู่เฉยๆ ไม่ได้ ต้องทำอะไรสักอย่าง ทิ้งไป

Being There : สนใจคนที่อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเขาจะน่าเบื่อ น่ารำคาญ

Refrain from Reacting : อย่าตอบโต้ หรือ ตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นจากภายนอก

Yield to Overcome : รู้จักยอม เพื่อเอาชนะในภายหลัง

Say No : หัดเรียนรู้ที่จะปฏิเสธคนอื่นบ้าง

Less is More : โฟกัสที่จะสร้างความสำเร็จเล็กๆ เดี๋ยวมันก็ใหญ่เอง

Follow the Current : ไหลตามน้ำไปบ้าง อย่าสวนกระแสไปเสียทุกเรื่อง

Wandering : ปล่อยกายปล่อยใจให้ล่องลอยไป สักระยะ

Let Things Emerge : อะไรจะเกิด ก็ให้มันเกิด อย่าไปฝีน

Active Surrender : ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น บางทีเราก็ไม่สามารถเอาชนะบางอย่างได้

Stillness within Action : หัดวางเฉย ไม่ต้องโมโห ไม่ต้องแนะนำ ไม่ต้องคาดหวัง

Be Water : ทำตัวให้เป็นเสมือนน้ำ ยืดหยุ่น ปรับตัวเข้าให้ได้กับทุกสถานการณ์

Do Nothing : ไม่ต้องทำอะไรเลย อยู่เฉยๆ

ลองเลือกสัก 2-3 ข้อ แล้วทำอย่างสม่ำเสมอ รับรองจะประสบความสำเร็จมากขึ้น ที่ผ่านมา เราอาจจะอยากทำโน่นทำนี่มากเกินไป ยิ่งทำยิ่งวุ่นวาย ขาดโฟกัส ประสิทธิภาพลดลง จนในที่สุดก็หมดแรง (Burn Out)

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,500 วันที่ 25 - 27 สิงหาคม พ.ศ. 2562


'หัวหน้าดี - ไม่ดี' มีผลต่อการเลือกงาน