‘พุทธิพงษ์’ ดึงหัวเว่ย-ไมโครซอฟท์ ปั้น‘ดิจิทัลฮับอาเซียน’
“พุทธิพงษ์” เปลี่ยนชื่อสถาบันไอโอที ที่ถูกตั้งขึ้นในสมัยรัฐมนตรีพิเชฐ เป็น “ดิจิทัลวัลเลย์” เพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดยดึงหัวเว่ย-ไมโครซอฟท์&ออราเคิลร่วมลงทุน พร้อมรีแบรนด์ไปรษณีย์ไทย และปรับเกณฑ์กองทุนดีอีให้ถูกต้อง
หลังจาก นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เข้ามานั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ก็เร่งสร้างผลงานอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการผลักดัน “ศูนย์เฟค นิวส์” (Fake News Center) มีการประชุมนัดแรกเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่่ผ่านมา พร้อมจัดทำช่องทางรับแจ้งและชี้แจงผ่านเว็บไซต์ เพจเฟซบุ๊ก และไลน์ มั่นใจเพิ่มความรวดเร็วในการตรวจสอบและสกัดการแพร่กระจายข้อมูลเท็จได้ใน 1-2 ชั่วโมง และนัดประชุมอีกรอบภายในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาเพื่อหาข้อสรุปอย่างเป็นรูปธรรม
“เราตั้งใจทำ ‘ศูนย์เฟค นิวส์’ ไม่อยากทำเป็นแค่ เสือ กระดาษ”
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์
ใช้ชื่อดิจิทัลวัลเลย์แทน IoT
ไม่เพียงแต่จัดตั้งศูนย์เฟคนิวส์แล้ว ล่าสุดนายพุทธิพงษ์ เตรียมเปลี่ยนชื่อสถาบันไอโอที (IoT : Internet of Things) บนพื้นที่ไทยแลนด์ ดิจิทัล พาร์ค ในเขตพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ พิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เหตุผลที่ต้องเปลี่ยนชื่อสถาบันไอโอที หากเป็นสถาบันเพียงอย่างเดียวอนาคตอยู่ด้วยตัวเองไม่ได้ ดังนั้นต้องดึงเอกชนที่อยู่ในไลน์ธุรกิจดิจิทัลเข้ามาอยู่รวมกันตั้งเป็นสำนักงานเพื่อทำการวิจัยและพัฒนา ทำให้ศูนย์ยั่งยืน และเกิดขึ้นจริง
“สถาบันไอโอที ถูกจัดตั้งในสมัยของท่านรัฐมนตรีพิเชฐ (ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์) เราใช้คำว่า “วัลเลย์“ เหมือน “ซิลิคอน วัลเลย์” ในประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถนำบริษัทเอกชนมาใช้ในพื้นที่ เอาดิจิทัลหลักๆ มาต่อยอด เช่น หัวเว่ย ไมโครซอฟท์ ออราเคิล ซีเกท เป็นต้น”
ดันไทยเป็น“ดิจิทัลฮับอาเซียน”
นอกจากนี้แล้วภายในอีก 3 เดือน มีแนวคิดประกาศว่าไทยเป็น “ดิจิทัลฮับอาเซียน” อันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียนให้ได้ เพราะ ดีป้า (สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล) มีเป้าหมายสร้างนักพัฒนา (developer) ด้านดิจิทัล 4 หมื่นคนในประเทศไทยภายใน 3 ปี นอกจากโปรแกรม เมอร์แล้ว ยังต้องการการสนับสนุนจากธุรกิจอื่นๆ ที่อาจไม่ได้มุ่งเน้นด้านเทคโนโลยี เช่น ที่ปรึกษาทางธุรกิจด้านกลยุทธ์ องค์กรที่บริหารการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล และผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันระบบดิจิทัลและแผนในครั้งนี้
“เราจะประกาศว่าเราจะทำอย่างไรให้เป็น ‘ดิจิทัลวัลเลย์’ มีแผนชี้แจงเรื่องสถานที่ กำลังคน และเรื่องของสตาร์ตอัพในประเทศไทยเพื่อสนับสนุนนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย”
รีแบรนด์ไปรษณีย์
นอกจากนี้ยังมีแผนรีแบรนด์ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด หรือ ปณท เนื่องจากการแข่งขันสูงทำให้รายได้และผลประกอบการปรับตัวลดลง แต่จุดแข็งไปรษณีย์ไทย คือ สาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศ และบุรุษไปรษณีย์ที่รู้เส้นทางทุกซอกทุกมุม
ปรับเกณฑ์กองทุนดีอี
นอกจากนี้แล้วในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.) สำหรับการบ้านหลักของ สดช. มีอยู่อย่างเดียว คือ การปรับเกณฑ์กองทุนดีอี จะต้องแล้วเสร็จภายใน 10 วันถ้าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกณฑ์อำนาจคณะกรรมการในการเปลี่ยน แปลงเกณฑ์นั้นรัฐมนตรีว่การ กระทรวงดีอี เป็นประธาน ดังนั้นให้ สดช.เสนอมาได้เลยเรียกประชุมได้ตลอดเวลา แต่ถ้าต้อง การหลักเกณฑ์แบบเดิมให้ สรุปมามีข้อดีข้อเสียอย่างไร
“เหตุผลที่ทำให้เสร็จภายใน 10 วัน เพราะจะต้องนำเกณฑ์นี้เข้าคณะกรรมการดิจิทัลใหญ่ที่มีรองนายกฯเป็นประธาน เพราะว่าเงินกองทุนดีอี ไม่สามารถนำไปใช้ได้ เพราะที่ผ่านมาหลักเกณฑ์ผิดขั้นตอน เพราะฉะนั้นถ้าหลักเกณฑ์เรียบร้อยนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่และประกาศหลักเกณฑ์ให้ถูกต้อง เพราะที่ผ่านมามีโครงการอนุมัติไปแล้ว 800 ล้านบาท แต่ไม่สามารถนำไปใช้ได้ เพราะหลักเกณฑ์ต่างๆ ยังไม่ถูกต้องเมื่อมีการประกาศแล้วโครงการที่อนุมัติไปก็ต้องนำกลับมาพิจารณาให้ถูกต้อง” นายพุทธิพงษ์ กล่าว
หน้า 10 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3499 วันที่ 25-28 สิงหาคม 2562
