กาฬสินธุ์เมืองเล็กแดนสร้างสรรค์  สัมผัสความแปลกใหม่แล้วจะไม่ลืม

28 ส.ค. 2562 | 05:45 น.

กาฬสินธุ์เมืองเล็กแดนสร้างสรรค์  สัมผัสความแปลกใหม่แล้วจะไม่ลืม

จากนโยบายรัฐบาลที่ต้องการยกระดับอาชีพ และแก้ไขปัญหาความยากจนในประเทศ จึงพยายามที่จะผลักดันของดีในแต่ละจังหวัดขึ้นมา “กาฬสินธุ์” เป็นหนึ่งในจังหวัดที่ได้ถูกหยิบยกขึ้นมา เพราะถิ่นนี้ของขึ้นชื่อที่สืบทอดมายาวนาน คือ
“สิ่งทอพื้นเมืองแพรวากาฬสินธุ์กับโปงลาง” จังหวัดนี้ฟังดูแล้วเอ๊ะ!!..อยู่ตรงไหนของไทยนะ มีอะไรดีอีกบ้างล่ะ..จะบอกให้ว่าจังหวัดเล็กๆแห่งนี้มีของดีซ่อนอยู่มากมายเลยทีเดียว ทีมงานจะพาไปเที่ยวกัน...

กาฬสินธุ์ เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง อยู่ห่างจากกทม.ประมาณ 510 กม. มีความอุดมสมบูรณ์มากที่สุดจังหวัดหนึ่งในภาคอีสาน จากหลักฐานทางโบราณคดีบ่งบอกว่าเคยเป็นที่อยู่อาศัยของเผ่าละว้า ซึ่งมีความเจริญทางด้านอารยธรรมประมาณ 1,600 ปี จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เริ่มตั้งเป็นเมืองในสมัยรัตนโกสินทร์ เมื่อปี 2336 อยู่ริมแม่นํ้าปาว เรียกว่า “บ้านแก่งสำโรง” แล้วได้นำเครื่องบรรณาการเข้าถวายสวามิภักดิ์ต่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า จุฬาโลกมหาราช 

ต่อมาได้รับพระกรุณาโปรดเกล้ายกฐานะบ้านแก่งสำโรงขึ้นเป็นเมือง และพระราชทานนามว่า “เมืองกาฬสินธุ์” หรือ “เมืองนํ้าดำ” ซึ่งเป็นเมืองที่สำคัญทางประวัติศาสตร์มาตั้งแต่สมัยโบราณกาล “กาฬ” แปลว่า “ดำ” “สินธุ์” แปลว่า “นํ้า” กาฬสินธุ์จึงแปลว่า “นํ้าดำ” ซึ่งนํ้าดำในที่นี้หมายถึง นํ้าที่ใสสะอาดจนมองเห็นดินสีดำ ซึ่งดินดำเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด ที่แห่งนี้ยังมีแหล่งซากไดโนเสาร์และซากดึกดำบรรพ์อื่นๆหลายแห่งด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอำเภอสหัสขันธ์ อีกทั้งยังมีชื่อเสียงด้านโปงลางและผ้าไหมแพรวา นอกจากนี้จังหวัดกาฬสินธุ์ก็มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ไม่ว่าจะเป็น ลาว, เขมร, จีน, เวียดนาม, ภูไท, กะเลิง,ไทข่า, ไทดำ และญ้อ เป็นต้น สัญลักษณ์ของจังหวัดคือ ต้นมะหาด และดอกพะยอม

       เมื่อเป็นแหล่งที่มีซากไดโนเสาร์แล้ว ต้องไปชม “พิพิธภัณฑ์สิรินธร” ที่นี่ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ที่ดีที่สุดในอาเซียน แล้วยังเป็นที่ตั้งของศูนย์วิจัยด้านไดโนเสาร์ที่ใหญที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย เมื่อย่างก้าวเข้ามาที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของสัตว์ขนาดใหญ่ ที่เคยอาศัยอยู่บนโลก ด้วยความที่ที่แห่งนี้ เป็นแหล่งขุดค้นที่พบฟอสซิลไดโนเสาร์กินพืช ที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุดในประเทศ 

กาฬสินธุ์เมืองเล็กแดนสร้างสรรค์  สัมผัสความแปลกใหม่แล้วจะไม่ลืม

ซึ่งการค้นพบฟอสซิลที่สมบูรณ์นี้ ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อการวิจัยด้านไดโนเสาร์เป็นอย่างมาก บริเวณที่ขุดพบคือบริเวณภูกุ้มข้าวใกล้กับวัดสักกะวัน อำเภอสหัสขันธ์ ภายในพิพิธภัณฑ์ ยังมีเรื่องกำเนิดจักรวาลและโลก การกำเนิดของสิ่งมีชีวิตขึ้นบนโลก จนถึงการเกิดและสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์ มีฟอสซิลของปลาโบราณที่ขุดพบจากภูนํ้าจั้น ที่อำเภอกุฉินารายน์อีกด้วย ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 10 บาท 

จังหวัดนี้มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายอย่างเช่น อุทยานแห่งชาติภูผาเหล็ก วนอุทยานภูพระ วนอุทยานภูแฝก วนอุทยานภูผาวัว เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูสีฐาน และเขตห้ามล่าสัตว์ป่าลำปาว เป็นต้น เที่ยว วัดที่วัดวังคำ ตั้งอยู่ที่บ้านนาวี อำเภอเขาวง ถือเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์ก ที่ต้องมาเยือนเมื่อมาเที่ยวกาฬสินธุ์ เป็นโบราณสถานที่งดงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบล้านช้าง ได้รับอิทธิพลต้นแบบจากวัดเชียงของ หลวงพระบาง ประเทศลาว ภายในมีสถานที่สำคัญ ได้แก่ หอสวดมนต์ สิมไทเมิงวัง อูบมุง พระธาตุ เจ้ากู เฮินเย้อ และอาฮามไทเมิงบก เป็นต้น

หรือจะไปชมพุทธสถานภูสิงห์ ตั้งอยู่บนยอดเขาภูสิงห์ ข้างบนเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปประทับนั่งปางมารวิชัย นาม “พระพรหมภูมิปาโล” เป็นที่เคารพสักการะของชาวกาฬสินธุ์ ลักษณะสง่างามและสวยงามมากที่สุดองค์หนึ่งในประเทศไทย ดังจะเห็นว่าเมื่อแลไปที่พระพักตร์จะมีลักษณะอิ่มเอิบ พระเนตร 2 ข้างเปี่ยมไปด้วยเมตตา ทำให้คนที่มากราบไหว้ต่างพลอยรู้สึกสบายใจ ท่ามกลางบรรยากาศโดยรอบบริเวณขององค์พระพุทธรูปที่มีความสงบร่มรื่น ไม่ใช่สายธรรมอยากเดินชิลในเมืองก็ที่ “ตลาดโรงสี” (Ricemill Market) ตลาดย้อนยุคที่ตกแต่งในสไตล์เรโทร โดยรีโนเวตจากโรงสีข้าวเก่าเมื่อสมัย 50 ปีก่อน ให้กลับมาฟื้นมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ด้วยการเนรมิตให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบชิล ชิล นี่เป็นแค่ตัวอย่างที่เที่ยวเล็กๆ น้อยๆ ของจังหวัดเท่านั้น

ที่แน่ๆ อยากให้ไปชมของเด็ดอย่างการทอผ้าแพรวา ที่กลุ่มทอผ้าไหมแพรวาบ้านโพน อำเภอสหัสขันธ์ และอำเภอคำม่วง ห่างจากจังหวัด 70 กม. โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 227 มีชื่อเสียงด้านผ้าแพรวาทอที่สวยงาม เป็นงานฝีมือทอผ้าของชาวผู้ไทย ที่อพยพมาจากเวียดนาม ซึ่งผ้าแพรวาทอจากผ้าไหมด้วยลายมัดหมี่ละเอียดลายเฉพาะตัว ลักษณะลายผ้าแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ลายหลัก (ลายใหญ่) และลายแถบ (ลายริ้ว) ส่วนสีของผ้าแพรวามิได้มีเพียงสีแดงเท่านั้น ปัจจุบันนี้มีการให้สีต่างๆ มากขึ้นตามความต้องการของตลาด เช่น สีครีม สีชมพูอ่อน สีม่วง สีนํ้าเงิน สีเขียว เป็นต้น 

กาฬสินธุ์เมืองเล็กแดนสร้างสรรค์  สัมผัสความแปลกใหม่แล้วจะไม่ลืม

หมู่บ้านวัฒนธรรมผู้ไทยโคกโก่ง อำเภอกุฉินารายณ์ เป็นหมู่บ้านที่มีการอนุรักษ์วัฒนธรรมชาวผู้ไทย เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ชอบท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ได้พักแรมและสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้าน รับประทานอาหารพื้นบ้านแบบพาแลง หรืออาหารแบบดั้งเดิมของลาว ชมการแสดงศิลปะพื้นบ้าน การรำพื้นบ้านเพลงประจำหมู่บ้าน จัดแสดงและสอนการทอผ้าและการหัตถกรรม นอกจากนี้ สามารถเดินทางไปชมนํ้าตกและลำธารได้ การเดินทาง จากบ้านโคกโก่ง ประมาณ 15 กม.จากทางตะวันออกของอำเภอกุฉินารายณ์ การเข้าถึงหมู่บ้านโดยรถโดยสารจากขอนแก่น หรือ ติดต่อทางฝั่งหมู่บ้านเองได้

ศูนย์หัตถกรรมผู้ไทยหนองห้าง อำเภอกุฉินารายณ์ อยู่บริเวณตำบลหนองห้าง ห่างจากตัวอำเภอกุฉินารายณ์ ประมาณ 10 กม.โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 2042 ประมาณ 2 กม. หลังจากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าถนนลาดยางประมาณ 6 กม. ชาวบ้านบ้านหนองห้างมีการรวมกลุ่มกันทอผ้าฝ้าย ผ้าไหม และจักสานไม้ไผ่ เป็นลวดลายผ้าขิด ฝีมือประณีตสวยงามมาก ผลิตภัณฑ์ได้แก่ กระเตาะ กระติ๊บ กระเป๋าและภาชนะต่างๆ

เมื่อมีโอกาสอย่าลืมไปเที่ยวเมืองนํ้าดำ ปักหมุดไปเลยว่าจะไปลุยตรงไหนชอบตรงไหน เมืองเล็กๆ แห่งนี้ตอบรับความต้องการของคนทุกกลุ่มวัยได้สบายๆ นับว่าเป็นเมืองที่มีเสน่ห์มากๆ อีกเมืองหนึ่งทีเดียว

หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,499 วันที่ 25 - 28 สิงหาคม พ.ศ. 2562

กาฬสินธุ์เมืองเล็กแดนสร้างสรรค์  สัมผัสความแปลกใหม่แล้วจะไม่ลืม